12 กันยายน 2554

ความแตกต่าง ธุรกิจเครือข่าย&แชร์ลูกโซ่

ความแตกต่าง ธุรกิจเครือข่าย&แชร์ลูกโซ่
ธุรกิจเครือข่าย กับแชร์ลูกโซ่ ความแตกต่างอย่างไร




YouTube Video

YouTube Video




ธุรกิจเครือข่ายเป็นหนึ่งในระบบเคลื่อนสินค้าที่เติบโตเร็วที่สุดและถูกเข้าใจผิดมากที่สุดในปัจจุบัน ธุรกิจเครือข่ายถูกเชื่อว่าจะเป็นคลื่นลูกใหม่ในยุคปี 1980s แต่เชื่อผมเถิดว่า มันจะเติบโตได้ไกลกว่านั้นแน่ ภายในยุค 1990s สินค้าและบริการมูลค่ามากกว่า หนึ่งร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ ถูกเคลื่อนผ่านบริษัทธุรกิจเครือข่ายทุก ๆ ปี จงจับตามองธุรกิจเครือข่ายในช่วงปี 2000s ถึง 2100s ให้ดี
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลผ่านทางรูปภาพและตัวอย่างว่า ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร และสิ่งไหนไม่ใช่ธุรกิจเครือข่าย เรายังจะแสดงให้คุณเห็นว่า คุณจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจในธุรกิจเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร  ขอย้ำ “อธิบายอย่างมีประสิทธิภาพ” ได้อย่างไร
ขออนุญาตตอบคำถามที่เป็นหนึ่งในคำถามที่ถูกถามมากที่สุด และอาจเป็นคำถามที่เป็นพื้นฐานที่สุดของบรรดาคำถามทั้งปวง นั่นคือ “ธุรกิจเครือข่าย หรือ Multi-level Marketing หรือ MLM นั้นคืออะไร”
Marketingหรือ การตลาด หมายถึง การเคลื่อนสินค้าหรือบริการ จากผู้ผลิตไปถึงผู้บริโภค
Multi-Level อ้างถึง ระบบในการจ่ายค่าตอบแทนให้กับบุคคลผู้ซึ่งทำให้สินค้าหรือบริการนั้นเคลื่อนตัว
Multi หมายถึง มากกว่าหนึ่ง
Level หมายถึง ระดับหรือรุ่น
คำว่า MLM นั้นแพร่หลายมากเสียจนพวกพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่ที่ผิดกฎหมาย ได้พยายามทำตัวเองให้เหมือนกับธุรกิจเครือข่าย ซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างภาพลบอย่างร้ายกาจและไร้เหตุผลให้กับบริษัทธุรกิจเครือข่ายใหม่ๆ
มีสามวิธีหลักๆ ในการเคลื่อนสินค้าและบริการ คือ
1. Retailing หรือ การขายปลีก ผมเชื่อว่า ทุกๆ คนคุ้นเคยกับระบบนี้ดีอยู่แล้ว คุณเดินเข้าไปในร้านของชำ ร้านขายยา หรือห้างสรรพสินค้า แล้วซื้อสินค้าบางอย่างออกมา
2. Direct Sales (Single-Level Marketing) หรือ การขายตรง คือการเคลื่อนสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ผ่านทางเทคนิคของการขาย เช่น การไปบ้านลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้า การโทรศัพท์ไปขายของให้กับลูกค้า การขายตรงบางครั้งถือว่าเป็นการขายที่ไม่มีพ่อค้าคนกลาง (เช่น ร้าน Retail หรือ บริษัทตัวแทนจำหน่าย) ยกตัวอย่าง (แต่ไม่เสมอไป) เช่น การขายประกัน เครื่องครัว สารานุกรม สาวขายเอว่อน มิสทีน
3. Multi-Level Marketing (MLM) หรือ การตลาดเครือข่าย คือสิ่งที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ เราไม่ควรสับสนระหว่างสองอย่างข้างบน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการขายตรง คนส่วนใหญ่มักสับสนระหว่างการตลาดเครือข่ายกับการขายตรง
ยังมีการตลาดอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า การสั่งทางไปรษณีย์ การทำการตลาดแบบไปรษณีย์สามารถถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ Direct sales ได้ บางคนก็ถือว่าการตลาดทางไปรษณีย์เป็นการตลาดแบบที่ 4
แบบที่ 5 ซึ่งมักถูกเข้าใจสับสนกับ MLM ก็คือ แบบพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่ ดังที่กล่าวไปแล้วว่าแชร์ลูกโช่นั้นผิดกฎหมาย เหตุผลสำคัญที่ผิดกฎหมายเพราะว่ามันล้มเหลวในการเคลื่อนผลิตภัณฑ์ หรือการบริการไปสู่ผู้บริโภคได้ ถ้าผลิตภัณฑ์ไม่เคลื่อนไหว เราจะเรียกมันว่า “การตลาด” ได้อย่างไร แชร์ลูกโซ่สามารถใช้คำว่า “เครือข่าย” ได้ แต่ไม่สามารถใช้คำว่า “การตลาด” ได้
ข้อขัดแย้งส่วนใหญ่ในใจคนมากมาย ที่ทำให้เขาไม่เข้าร่วมทำธุรกิจ MLM คือ เขาไม่รู้ความแตกต่าง ระหว่าง MLM กับ การขายตรง ไม่แปลกใจเลยที่คนส่วนมากสับสนเพราะบริษัท MLM ที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่นั้นอยู่ในสมาคมขายตรง และในบางครั้งคุณอาจมองการทำธุรกิจเครือข่ายเหมือนการการขายเดินขายของแบบเคาะประตู เพราะว่าคุณได้รู้จักกับกับธุรกิจเครือข่ายครั้งแรก เมื่อผู้จำหน่ายเคาะประตูบ้านคุณเพื่อพยายามขายของบางอย่างให้กับคุณ ซึ่งแท้จริงแล้ว มีลักษณะบางอย่างที่แยก MLM ออกจากการขายตรง นั่นคือ หากคุณอยู่ในธุรกิจ MLM คุณอยู่ในธุรกิจเพื่อตัวของคุณเอง แต่ไม่ใช่โดยตัวของคุณเอง
การเข้าร่วมธุรกิจคือคุณจะซื้อสินค้าในราคาขายส่ง (คุณควรใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองด้วย) หลายคนเข้าร่วมธุรกิจเพราะเหตุผลข้อนี้ หลังจากนั้นคุณก็จะเริ่ม “เอาจริง” เมื่อคุณซื้อสินค้าในราคา“ขายส่ง” ถ้าคุณต้องการ คุณสามารถ“ขายปลีก” และคุณจะได้ “ผลกำไร” คนจำนวนมากเข้าใจผิดว่า คุณ “ต้อง” ขายปลีก คุณจึงประสบความสำเร็จ บางบริษัทถึงกับกำหนดยอดขายให้สมาชิกทำยอดตามเป้าเพื่อเขาจะได้รับผลตอบแทน คุณสามารถขายถ้าคุณต้องการ หรือ ถ้าคุณจำเป็นต้องขายเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนก็ขายไป  แต่หากคุณต้องการสร้างรายได้มหาศาลแล้วหละก็ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้น มาจาก “การสร้างเครือข่าย”
ประเด็นสำคัญ: ให้การขายเป็นสิ่งที่ตามมาจากการสร้างองค์กรโดยธรรมชาติ คนส่วนใหญ่ล้มเหลวเพราะเขาทำสิ่งที่กลับกัน คือ เขาพยายามสร้างองค์กรโดยการขาย
คำว่า “ขาย” เป็นความคิดทางลบในจิตใจคนถึง 95% ในธุรกิจเครือข่ายคุณไม่จำเป็นต้อง “ขาย” ตามความเข้าใจของโลก แต่อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ต้องเคลื่อนไหว มิฉะนั้นจะไม่มีใครได้รับเงิน ดอน เฟียล่า ได้นิยามคำว่า ขาย ไว้ว่า “การโทรศัพท์ไปหาคนแปลกหน้า เพื่อขายของบางอย่าง ที่เขาอาจไม่จำเป็นต้องใช้ หรือ ไม่ต้องการ”
ขอยืนยันอีกครั้ง ผลิตภัณฑ์ต้องเคลื่อนไหว มิฉะนั้นจะไม่มีใครได้รับเงิน
MLM สามารถเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า Network Marketing เมื่อคุณสร้างองค์กร แท้จริงแล้วคุณกำลังสร้างเครือข่ายที่ใช้ในการกระจายสินค้าของคุณเอง การขายนั้นยังคงเป็นรากฐานของธุรกิจเครือข่าย เพียงแต่การขายในธุรกิจเครือข่ายนั้นมาจากการที่ผู้จำหน่าย “แบ่งปัน” ให้กับเพื่อนและญาติพี่น้องของเขา ไม่ใช่ให้กับคนแปลกหน้า การสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ให้ประสบความสำเร็จคุณต้อง “สร้างความสมดุล” คุณต้องอุปถัมภ์ และสอน MLM ให้กับคนอื่น และในกระบวนการนี้เอง คุณจะสามารถสร้างลูกค้าได้ซึ่งก็คือเพื่อนๆ หรือญาติพี่น้องของคุณ
อย่าพยายามอุปถัมภ์คนทั้งโลกด้วยตัวของคุณเอง จงจำไว้ว่า Network marketing คือการสร้างองค์กรผู้จำหน่ายจำนวนมาก แต่ละคนขายคนละเล็กคนละน้อย ซึ่งดีกว่าการใช้คนจำนวนน้อยๆ ขายของปริมาณมาก ๆ
บริษัทธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่ไม่ต้องเสียเงินปริมาณมหาศาลไปกับการโฆษณา เพราะสุดยอดแห่งการโฆษณาก็คือการบอกแบบปากต่อปากของสมาชิก ดังนั้น บริษัทเครือข่ายจึงมีเงินมาใช้ในการพัฒนาสินค้าได้มากกว่าบริษัททั่วๆ ไป ดังนั้น คุณภาพสินค้าจึงมักดีกว่าสินค้าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันที่พบตามร้านค้าปลีก คุณจึงเพียงแค่แบ่งปันสินค้าที่มีคุณภาพสูงกว่าสินค้ายี่ห้ออื่นๆ ในหมวดเดียวกัน ให้เขาเปลี่ยนมาใช้ยี่ห้อใหม่ ซึ่งคุณได้ทดสอบด้วยตัวคุณเองแล้วว่า มันดีกว่า





คุณคงเห็นแล้วว่านี่ไม่ใช่การเดินไปเคาะประตูตามบ้านเพื่อขายสินค้าให้กับคนแปลกหน้า ธุรกิจเครือข่ายที่ผมรู้จักสอนว่า การที่คุณแบ่งปันคุณภาพสินค้าและบริการให้กับเพื่อนของคุณ ทั้งหมดนี้แหละที่ “
การขาย” เข้ามาเกี่ยวข้อง จริงๆควรใช้คำว่า “การแบ่งปัน” มากกว่า “การขาย” เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ






หากคุณทำงานให้กับบริษัทขายตรง และคุณตัดสินใจที่จะลาออกเพราะคุณต้องย้ายไปอาศัยที่ท้องถิ่นอื่น คุณอาจต้องเริ่มทำงานทั้งหมดใหม่อีกครั้ง แต่หากคุณอยู่ในบริษัท MLM
คุณสามารถย้ายไปในท้องที่ใดก็ได้ และเริ่มอุปถัมภ์ผู้คนใหม่โดยไม่สูญเสียยอดขายจากองค์กรที่คุณได้สร้างไว้แล้วในท้องที่เดิม การทำธุรกิจเครือข่ายคุณสามารถสร้างรายได้ได้มากมายจากการสร้างองค์กร ไม่ใช่แค่การขาย ข้าพเจ้ายังขอยืนยังอีกครั้ง คุณสามารถมีความเป็นอยู่ที่ดีได้จากการขายของ แต่คุณสามารถสร้าง “ความมั่งคั่งอย่างถาวร” ได้ด้วยการสร้างองค์กรเท่านั้น

ผู้คนจำนวนมากเข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายเพียงแค่ต้องการมีรายได้เพิ่มเดือนละ 5000
, 10000 บาท หรือ 20000 บาท ต่อเดือนและทันใดนั้นเขาต้องการที่จะจริงจังและเขาสามารถทำได้ถึงเดือนละ แสน หรือ 3 แสนได้ หรือมากกว่านั้น เขาเหล่านี้ไม่ได้หาเงินจำนวนมากจากการขายของ เขาทำได้จากการสร้างองค์กร
นั่นคือวัตถุประสงค์ของเวปไซต์แห่งนี้ เราจะให้ความรู้คุณให้สามารถสร้างองค์กรได้และทำได้อย่างรวดเร็วด้วยโดยการสอนให้คุณสร้างทรรศนะคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายให้กับผู้มุ่งหวัง หากผู้มุ่งหวังของท่านเข้าใจว่าธุรกิจเครือข่ายนั้นผิดกฎหมายเสียแล้ว คุณจะมีปัญหาในการอุปถัมภ์เขาอย่างแน่นอน



คุณต้องชี้แจงให้เขาเห็นถึงข้อเท็จจริง เพื่อขจัดทรรศนะคติหรือความเข้าใจผิดที่ว่า “ธุรกิจเครือข่ายนั้นเหมือนพีระมิด” ขอให้ทำความเข้าใจตัวอย่างข้างล่างและรูปนี้เพราะคุณสามารถนำมันไปใช้อธิบายกับผู้มุ่งหวังได้



พีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่นั้นสร้างจากยอดลงมาด้านล่าง ดังนั้น ผู้ที่เข้ามาสู่ธุรกิจเป็นกลุ่มแรกเท่านั้นที่สามารถอยู่ด้านบนของพีระมิด แต่ในรูปสามเหลี่ยมในธุรกิจเครือข่าย ทุกๆ คนเริ่มต้นจากด้านล่างและมีโอกาสเท่า ๆ กันที่จะสร้างองค์กรขนาดใหญ่ของตัวเอง ทุกๆ คนสามารถสร้างองค์กรให้ใหญ่กว่าองค์กรของผู้แนะนำของเขาได้หลายเท่าถ้าต้องการ


ข้อแตกต่างอีกอย่างของ MLM กับการขายตรง
นั้นคือการ “ช่วยเหลือ” (Sponsor) ผู้จำหน่ายคนอื่นๆ บางบริษัทอาจใช้คำว่า การหาสมาชิกใหม่ อย่างไรก็ตาม การ Sponsor กับการหาสมาชิกนั้นต่างกันอย่างแน่นอน คุณ Sponsor คนบางคน แล้ว “สอน” ให้เขาทำสิ่งที่คุณทำอยู่ เพื่อให้เขาสร้างธุรกิจของเขาเอง การ Sponsor คนบางคน กับการทำให้คนบางคนเซ็นใบสมัครนั้นต่างกันมาก เมื่อคุณ “Sponsor” ใครบางคน คุณกำลังให้คำมั่นสัญญาที่จะช่วยเขาจนกว่าเขาจะประสบความสำเร็จ หากคุณไม่ประสงค์ที่จะให้คำมั่น คุณกำลังทำร้ายเขาถ้าคุณทำให้เขาเซ็นใบสมัคร

ณ จุดนี้ สิ่งที่คุณต้องการคือความตั้งใจจริงที่จะช่วยให้เขาสร้างธุรกิจของตัวเอง เวปไซน์แห่งนี้จะเป็นอุปกรณ์ล้ำค่าที่จะแสดงให้คุณเห็นว่าคุณต้องทำอะไร และทำอย่างไร ในการช่วยเหลือคนคนหนึ่งให้สร้างธุรกิจของตัวเอง



มันเป็น “ความรับผิดชอบ” ของผู้แนะนำที่จะสอนผู้ที่เขานำเข้ามาในธุรกิจให้รู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างในธุรกิจ เช่น การสั่งสินค้า การจดบันทึกความคืบหน้าในธุรกิจ การเริ่มต้น วิธีในการฝึกอบรม เพราะการช่วยเหลือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเครือข่ายเติบโต เมื่อองค์กรของคุณโต คุณก็จะเป็นนักธุรกิจอิสระที่ประสบความสำเร็จ ในที่สุดคุณจะกลายเป็นเจ้านายของตัวเอง!



ดังที่กล่าวไปในตอนต้นว่าภายในยุค 1990s MLM หรือธุรกิจเครือข่าย ได้ทำเงินไปมากกว่า หนึ่งร้อยล้านเหรียญ นี่เป็นธุรกิจที่ใหญ่มาก! แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่รู้ ธุรกิจเครือข่ายนั้นอยู่รอบๆ ตัวเรามามากกว่า 40 ปีแล้ว บางบริษัทที่เปิดทำการมากว่า 20 ปี กำลังทำเงินกว่าร้อยล้านเหรียญต่อปี  ดิฉันรู้จักบริษัทหนึ่งที่ทำรายได้มากกว่าสองล้านเหรียญในปีแรก ในปีที่สองเขาทำได้ถึงสิบห้าล้านเหรียญ ในปีที่สามเขาคาดหวังรายได้ 75 ล้านและ หนึ่งพันล้านเหรียญภายในปีที่ 5! หลักการในเวปไซน์แห่งนี้จะทำให้คุณเห็นว่าเป้าหมายของเขาจะเป็นจริงได้อย่างไร และสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุก ๆ คน






บทความต่อไป Click ที่รูปหรือ Link ด้านล่าง เพื่อรับทราบข้อมูลสำคัญนี้เพิ่มเติม














YouTube Video




YouTube Video















1 ความคิดเห็น:

  1. เคลียร์ปัญหาคาใจ:ธุรกิจเครือข่าย ขายตรง แชร์ลูกโซ่ ต่างกันอย่างไร ?







    จริงๆ แล้วในประเทศไทยเป็นเรื่องน่าเสียดายคะที่ทำให้ธุรกิจดีๆ ต้องมาถูกเข้าใจผิดเพราะข่าวแย่ๆ ของแชร์ลูกโซ่เมื่อหลายปีก่อน อย่างที่รู้ๆ กันว่าบ้านเราข่าวร้ายๆ ขายได้และโด่งดังแต่ข่าวดีๆ ไม่ค่อยนำมาประกาศกัน ที่น่าเสียดายมากเพราะว่าอุตสาหกรรมเครือข่ายหรือ MLM นั้นมียอดขายมหาศาลในอเมริกา, ญี่ปุ่น และประเทศที่พัฒนาแล้วอีกหลายประเทศทั่วโลก ยิ่งถ้าบริษัทสามารถทำ Seamless Worldwide Link ได้ คุณก็สามารถนำเงินจากประเทศอื่นๆ เข้ามาเป็นรายได้ของประเทศไทยได้อีกด้วย แต่อุตสาหกรรมดีๆ อย่างนี้กลับต้องมาตายในเมืองไทย เพราะว่าความเข้าใจผิดๆ ของคนไทยเรานี่เอง นอกจากนั้นซ้ำร้ายเข้าไปอีกทางกฎหมายบ้านเรายังจัดให้จดทะเบียนเป็นธุรกิจ"ขายตรง" เหมือนกันทั้งธุรกิจที่ขายตรงจริงๆ และธุรกิจเครือข่าย(MLM) จึงทำให้คนได้ยินชื่อก็ขยาดแล้ว...เพราะว่าคนไทยไม่ค่อยมีใครชอบขายของ พอคิดถึงคำว่าขายตรง ก็คงต้องไปเดินขายของตามบ้านแน่ๆ ส่วนแชร์ลูกโซ่นั้นไม่สามารถจดทะเบียนได้ เพราะว่าผิดกฎหมายแน่นอน! แล้วความแตกต่างอยู่ตรงไหนล่ะ? ดิฉันจึงต้องขอชี้แจงแถลงไข ให้กับผู้ที่ยังไม่ทราบถึงความแตกต่างของทั้งสามธุรกิจด้วยความจริงให้ชัดเจน!

    ธุรกิจขายตรง (Direct Sale) คืออะไร…?
    ธุรกิจขายตรงต้องถือว่าเป็นปฐมบทหรือต้นกำเนิดของทั้ง 3 ธุรกิจนี้ทีเดียว วีธีสังเกตธุรกิจขายตรงง่ายๆ ก็คือ ดูที่รายได้หลักของบริษัท จะได้มาจากการเน้นขายเกิน 90% นั่นเอง รวมไปถึงรายได้หลักของสมาชิกที่ทำธุรกิจนี้ก็ได้มาจากเปอร์เซ็นต์จากการขายเช่นกัน ดังนั้นคนที่จะทำธุรกิจนี้ ต้องเป็นนักขายมือทองทีเดียวจึงจะประสบความสำเร็จได้ รวมไปถึงสินค้าและบริการที่นำมาจำหน่ายก็ต้องมีความแตกต่างจากสินค้าที่วางขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือต้องมีจุดขาย ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจที่ลงโฆษณาขายสินค้าในโทรทัศน์และเดินตลาดตามบ้าน แต่สุดยอดขายตรงเมืองไทยดิฉันขอยกให้ "อย่าลืมถามสาวยาคูลสิคะ"

    แชร์ลูกโซ่ (Money Game) คืออะไร…?
    แชร์ลูกโซ่ หมายถึง รูปแบบการดำเนินธุรกรรมที่มุ่งประสงค์เพื่อหารายได้จาก การระดมทุนเป็นหลัก โดยมีการสัญญาในการเข้าร่วมธุรกิจที่จะตอบแทนผลประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่สูงกว่าเงินลงทุน ซึ่งผู้ประกอบการมักจะอ้างถึงการนำเงินไปลงทุนใน รูปแบบอื่น ๆ ต่อ ๆ ไป เพื่อปันรายได้แจกจ่ายผู้เข้าร่วมธุรกิจอย่างทั่วถึง แต่ผลของมัน คือ การที่ตอบแทนผลประโยชน์ในช่วงต้น ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการร่วมธุรกิจต่อเนื่องจนเมื่อถึงจุดที่ผู้ประกอบการ หวังผลในการระดมทุนสำเร็จแล้ว ก็จะหาทางปิดตัวไปเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายผลประโยชน์ต่อ ๆ ไป หรืออาจจะดำเนินการต่อเนื่องจนกว่าฐานที่เข้ามาหรือผู้เข้าร่วมธุรกิจที่ เข้ามาในช่วงหลังจะไม่สามารถหมุนเวียนเงินตอบแทนได้กับคนที่มาก่อนได้ ก็จะเริ่มปิดตัวลง

    ลักษณะและวิธีการดำเนินงานการหาสมาชิก และการจ่ายผลประโยชน์ส่วนใหญ่วิธีการดำเนินงานของแชร์ลูกโซ่จะเริ่มจากวงแคบ ๆ จากเพื่อนคนใกล้ชิดแล้วค่อย ๆ ขยายตัวไปรอบนอก จนถึงขั้นควบคุมไม่ได้ เพราะจะเริ่มออกสู่วงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ การหาสมาชิกก็จะใช้วิธีสร้างภาพลวง หว่านล้อมให้เกิดความเชื่อและการจ่ายผลประโยชน์กับสมาชิกระดับต้น ๆ หรือใกล้ชิดเป็นส่วนใหญ่ เพื่อโฆษณาชวนเชื่อ อีกข้อหนึ่ง คือ สมาชิกเหล่านี้ส่วนใหญ่มักเป็นคนสนิทของกลุ่มผู้ก่อตั้งแชร์ลูกโซ่อยู่แล้ว ย่อมมีผลประโยชน์คาบเกี่ยวกันมากมาย ดังนั้น จึงสามารถที่จะสร้างภาพลวงร่วมกันได้ สุดท้ายเมื่อได้ระดมทุนตามประสงค์แล้วก็จะปิดตัวลง ซึ่งสมาชิกระดับใกล้ชิดก็จะไม่เสียประโยชน์ใด ๆ ส่วนแมลงเม่าที่บินมาภายหลังส่วนใหญ่จะเป็นผู้เสียหาย และตามตัวผู้รับผิดชอบไม่ได้ เพราะหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว ครั้นจะมาหาข้อมูลจากสมาชิกระดับผู้นำก็เปล่าประโยชน์ เพราะได้ปิดปากตัวเองแล้วจากผลประโยชน์ที่คาบเกี่ยวกันกับเจ้าของแชร์ลูกโซ่ดังนั้นแชร์ลูกโซ่จึงทำให้คนที่มาก่อนได้เปรียบอยู่เสมอแม้จะนอนอยู่ที่บ้านไม่ทำงาน





    .

    ตอบลบ