17 กันยายน 2554

หุ่นสวยด้วยมื้อเช้า

                  หุ่นสวยด้วยมื้อเช้า


ออกกำลังกายก็แล้ว งดขนมหวานก็แล้ว แต่ทำไม๊ ทำไม หุ่นของหนุ่มสาวหลายๆ ท่าน ถึงยังอ้วนปลิ้นแผละกันอยู่ดี
หุ่นสวยด้วยมื้อเช้า


งานนี้เราเชื่อเลยว่าคำถามข้างตันกำลังก้องอยู่ในหัวใครหลายคนที่อยากจะมีหุ่นสวยดูดี แต่ทำทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่สำเร็จ ซึ่งวันนี้เราจะขอพาคุณมาไขความลับเกี่ยวกับความอ้วนที่ใครเลยจะรู้ว่า อาหารเช้ามื้อสำคัญ ที่คนส่วนใหญ่ชอบมองข้าม จะเป็นผู้ช่วยมือฉมังให้กับคนที่อยากอินเชฟ

ไลฟ์สไตล์ตอนเช้าของหนุ่มสาวออฟฟิศที่ดูรื่นรมย์ อย่างการจิบกาแฟร้อนๆ สักถ้วย บนเก้าอี้ตัวโปรด พร้อมอัพเดทข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ในมือ อาจดูเหมือนเรื่องไม่น่าห่วง แต่ในความเป็นจริงแล้วพฤติกรรมเช่นนี้ ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของคุณ เพราะการงดมื้อเช้าแล้วไปหนักตอนเที่ยงและเย็น จะยิ่งทำให้มนุษย์ออฟฟิศผู้หิวโหยทานอาหารมากยิ่งขึ้น

ทานอาหารเช้าช่วยลดหุ่น?

การงดอาหารเช้าบ่อยๆ มีแนวโน้มจะอ้วนมากกว่าคนที่รับประทานอาหารเช้าทุกวันถึง 450 % เจอจั่วหัวมาแบบนี้ เล่นเอางงกันเลยละสิว่า ทำไมอาหารเช้าถึงช่วยลดหุ่นได้ ซึ่งความจริงก็คือ การรับประทานมื้อเช้าที่เน้นโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต สามารถลดความอยากของหวาน หรืออาหารประเภทแป้งในระหว่างวัน นอกจากนี้ การทานมื้อเช้ายังช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญอาหารในร่างกายได้ดีอีกด้วย

ทั้งนี้ คนที่ไม่รับประทานอาหารเช้าจะอ้วนได้ง่าย เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับสารอาหารมาตลอดทั้งคืน จึงทำให้สมองรู้สึกว่าร่างกายขาดอาหารและต้องสะสมพลังงานเอาไว้ สมองจะหลั่งสารนิวโรเพบไทด์ วาย (Neuropeptide Y) ซึ่งส่งสัญญาณให้ร่างกายต้องกิน กิน กิน และก็กิน โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นคนที่งดอาหารเช้าจึงชอบทานของจุบจิบ (คุณเป็นหนึ่งในนั้นรึเปล่า) โดยเฉพาะของว่างที่หยิบได้ใกล้มือในออฟฟิศ อย่างขนมปังกรอบ คุกกี้ มันฝรั่งถุง ที่ล้วนแล้วแต่มีปริมาณไขมันสูง ทำให้เกิดพลังงานสะสมในร่างกาย และยังมีโซเดียมมาก ซึ่งจะทำให้ร่างกายบวมน้ำ ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

การทานอาหารในมื้อเช้าจะทำให้ไม่ค่อยรู้สึกหิวระหว่างวัน โดยเฉพาะมื้อก่อนเที่ยงและมื้อเย็น เนื่องจากการงดมื้อเช้าทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร จึงทำให้ร่างกายต้องทานมื้อเที่ยงและมื้อเย็นมากกว่าปกติ นอกจากนี้ ร่างกายยังต้องสะสมไขมันที่ได้จากอาหารมื้อเย็นไว้มากกว่าเก่าอีกด้วย เพราะต้องนำมื้อเย็นไปเป็นแหล่งพลังงานทดแทนมื้อเช้า และเมื่อเราไม่ทานมื้อเช้าจึงต้องประสบกับปัญหาเรื่องความอ้วน

อาหารมื้อเช้าที่ดีควรเป็นอย่างไร

ในเมื่อมื้อเช้านั้นสำคัญและไม่ควรงดเป็นอันขาด แต่เราจะทานอาหารเช้าให้ได้ประโยชน์และไม่อ้วนควรจะต้องทานอย่างไรดี

สำหรับมื้อเช้าที่ดีควรทานในช่วง 7.00- 9.00 น เพราะเป็นเวลาที่กระเพาะอาหารเริ่มทำงาน ส่วนวิธเลือกอาหารเช้าที่ดีก็สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงเลือกอาหารที่มีปริมาณไขมันต่ำ และเป็นอาหารย่อยง่าย เพื่อให้ระบบย่อยอาหารไม่ต้องทำงานหนักมากในช่วงเช้า นอกจากนี้ก็ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นทานกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และโปรตีนเป็นหลัก

เลือกทานมื้อเช้าให้หลักถูกก็เพรียวได้

การเตรียมมื้อเช้า ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ เพราะถ้ามื้อเช้ามาถึงแล้วคุณเล่นซัดแต่เบคอนทอด ไข่ดาว ขนมปังทาเนย อยู่ทุกวี่วัน เชื่อเถอะว่าให้ทานอาหารเช้าแล้วลดมื้อเที่ยง แถมตามด้วยเข้าฟิตเนส คุณก็คงจะผอมยาก แต่เรามีหลักง่ายๆ ในการเลือกรับประทานอาหารเช้ามาฝากกัน

คาร์โบไฮเดรต ให้เลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ซีเรียลชนิดต่างๆ ขนมปังโฮลวีตยย เพื่อให้ร่างกายได้รับกลูโคสอย่างช้าๆ

โปรตีน ให้ทานโปรตีนย่อยง่าย เช่น เนื้อปลา ไข่ (ไม่ควรทานมากกว่าวันละ 1 ฟอง) และถั่วประเภทต่างๆ

วิตามิน หาทานจากผลไม้สดชนิดต่างๆ เมล็ดธัญพืช เช่น ถั่ว เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน

เกลือแร่ หาได้จากผลไม้ และผักสดชนิดต่างๆ

ไขมัน เลือกทานนมวัว นมถั่วเหลือง ถั่วบางชนิด เช่น ถั่วลิสง ถั่วอัลมอนด์ ธัญพืชบางชนิด เช่น งาดำ งาขาว เมล็ดทานตะวัน จะดีกว่าทานไขมันแบบเป็นน้ำมัน

นอกจากนี้ อย่าลืมทานอาหารที่ให้ปริมาณแคลเซียมมากเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เนื่องจากสาวๆ บางคนไม่ยอมดื่มนมเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวอ้วน แต่คุณก็สามารถทานนมพร่องไขมัน หรือปลาตัวเล็ก และหรือโยเกิร์ตเพื่อทดแทนกันได้ และที่สำคัญ สาวๆ ผู้กลัวความอ้วนควรรู้ว่า การทานนมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตสามารถช่วยเผาผลาญไขมัน และยังลดการสะสมของไขมันในร่างกาย พร้อมทั้งป้องกันโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย

ได้รู้กันแล้วว่า อาหารมื้อเช้านั้นอิ่มดีมีประโยชน์ แถมยังช่วยให้มีหุ่นสวย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณๆ ทั้งหลายก็อย่ามัวตะบี้ตะบันทานแต่ข้าวเช้า จนลืมออกกำลังกาย เพราะถ้าจะให้ดูดีแบบสวยครบสูตร ก็จำเป็นต้องทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำควบคู่ไปด้วย โดยการออกกำลังกายแต่ละครั้งควรให้ชีพจรเต้นอยู่ในระดับประมาณ 60โ€80 % ของอัตราการเต้นของชีพจรสูงสุดเป็นเวลา 30 นาที จึงจะมีสุขภาพดีกันถ้วนหน้า





ที่มา : www.e-magazine.info

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น