26 กันยายน 2554

วิธีคิดที่ทำให้ชีวิตของคุณประสบความสำเร็จ

วิธีคิดที่ทำให้ชีวิตของคุณประสบความสำเร็จและแตกต่างกว่าคนอื่น





Don’t Eat The Marshmallow …Yet!





หยุด...อย่ารีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” แล้วคุณจะประสบความสำเร็จทั้งงาน เงิน และชีวิต
ทำไมคนที่ฉลาดเท่ากัน บางคนจึงประสบความสำเร็จ แต่บางคนล้มเหลวคำตอบคือ...เพราะ “วิธีคิดในการใช้ชีวิต” ที่แตกต่างกัน เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้แต่ละคน มีบั้นปลายชีวิตที่แตกต่างกัน






การวิจัยครั้งสำคัญของ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา นักวิจัยได้ทดลองปล่อยให้เด็กๆ อยู่ในห้องตามลำพัง และแจกขนม “มาร์ชมาลโลว์” ให้เด็กคนละก้อน จากนั้นเสนอให้เด็กเลือกว่าจะกินมันเข้าไปทันทีหรือจะคอยอีกสิบห้านาที ถ้าเด็กคนไหนคอยได้ พวกเขาก็สัญญาว่าจะให้ มาร์ชมาลโลว์แก่เด็กคนนั้นเพิ่มอีกก้อน ซึ่งจากการทดลองพบว่า เด็กบางคนกินขนมมาร์ชมาลโลว์เข้าไปทันที ในขณะที่บางคนเลือกที่จะคอย!



ผลวิจัยออกมาว่า เด็กที่สามารถยับยั้งใจไม่กินขนมมาร์ชมาลโลว์ได้นั้น มีผลการเรียนที่ดีกว่า สามารถเข้ากับคนอื่นได้ดีกว่า และจัดการกับความเครียดได้ดีกว่าเด็กที่ไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้กินขนมมาร์ชมาลโลว์ก้อนแรก จากการทดลองด้วยเวลาสั้นๆ หลังจากผู้ใหญ่ออกไปจากห้องได้


กลุ่มเด็กที่สามารถห้ามใจตัวเอง ไม่กินขนมมาร์ชมาลโลว์กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่ากลุ่มเด็กที่ไม่สามารถยับยั้งใจได้อย่างมากมาย


ความแตกต่างที่สำคัญของความสำเร็จและความล้มเหลว มิได้อยู่ที่การทำงานหนักหรือมีสติปัญญาที่เหนือกว่า แต่อยู่ที่ความสามารถในการ “ห้ามใจตัวเองให้ชะลอความพอใจลงก่อน หรือการรู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน” นั่นคือ คนที่ “ห้ามใจไม่รีบกิน มาร์ชมาลโลว์ จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่า”


หนังสือเล่มนี้ใช้เรื่องเล่าง่ายๆ ผ่านตัวละครสองคน คือ อาร์เธอร์ และโจนาธาน เพเชี่ยน และได้สอดแทรก “วิธีคิดในการใช้ชีวิต” ที่ดี ซึ่งบทเรียนจากหนังสือเล่มนี้จะเปลี่ยนวิธีคิด และชีวิตของคุณได้อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่า “การกระทำของคุณในวันนี้ สามารถส่งผลอันใหญ่หลวงต่ออนาคตของคุณ ถ้าเพียงแค่ไม่รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” ของคุณในตอนนี้เท่านั้น


อาเธอร์ เป็นคนฉลาด สามารถแก้ปริศนาอักษรไขว้ในหนังสือพิมพ์ได้ในเวลาสามสิบนาที สามารถวิเคราะห์เศรษฐกิจของลาตินอเมริกาได้ในเวลาครึ่งชั่วโมง และคำนวณตัวเลขในหัวได้เร็วกว่าคนส่วนใหญ่ที่คำนวณโดยใช้เครื่องคิดเลข แต่...เขาเป็นแค่คนขับรถ


โจนาธาน เพเชี่ยน ฉลาดพอๆ กับ อาร์เธอร์ ทำงานหนักเท่าๆ กัน แต่โจนาธาน เป็นเศรษฐีพันล้าน ทำไม โจนาธาน จึงนั่งอยู่บนเบาะหลังของรถยนต์คันใหญ่ ในขณะที่อาร์เธอร์ นั่งอยู่ด้านหน้าเป็นคนขับรถ


อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขามีชีวิตที่แตกต่างกัน และอะไรคือคำอธิบายความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลว
โจนาธาน เพเชี่ยน รู้สึกเหนื่อยและเครียดหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม เมื่อเดินไปถึงรถคันหรู เขาพบว่าคนรถกำลังนำ เบอร์เกอร์ บิ๊ก แม็ค เข้าปากเป็นคำสุดท้าย


“อาร์เธอร์ นายกำลังกิน “มาร์ชมาลโลว์” อีกแล้ว เขากล่าวตำหนิ
หลังจากอาร์เธอร์เริ่มออกตัวรถ โจนาธาน เพเชี่ยน ได้เริ่มต้นเล่าเรื่อง เกี่ยวกับทฤษฎี
มาร์ชมาลโลว์


จากวันนั้นอาร์เธอร์ได้ซื้อขนมมาร์ชมาลโลว์วันละหนึ่งก้อนเก็บสะสมไว้ในบ้านพักของเขาแม้จะรู้สึกหิว เขาก็ไม่รู้สึกอยากกินมัน เขาต้องการเห็นว่าจะสามารถสะสมมันได้มากขนาดไหน และเมื่อโจนาธาน เพเชี่ยน ได้มอบเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เขา อาร์เธอร์ได้นำขนมมาร์ชมาลโลว์ที่เขาสะสมไว้ ขายคืนให้กับร้านค้า แล้วนำเงินเข้าบัญชีธนาคารไว้ หลังจากนั้นเขาก็ใช้วิธีเก็บสะสมขนมมาร์ชมาลโลว์ โดยการใส่รูปขนมปังมาร์ชมาลโลว์ลงในคอมพิวเตอร์



อาร์เธอร์บันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้จากโจนาธาน เพเชี่ยน ทั้งหมดเป็นกรอบความคิดใหม่ โดยแบ่งเป็นข้อๆ ดังนี้


• ต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน อย่ารีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” ทันที ให้คอยจนถึง เวลาที่เหมาะสมแล้วคุณจะได้ในสิ่งที่ดีกว่าหรือหมายถึงได้กินมาร์ชมาลโลว์มากขึ้น


• คนที่ประสบความสำเร็จต้องเป็นคนที่รักษาคำมั่นสัญญา


• เงินหนึ่งเหรียญเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวทุกวันเป็นเวลาสามสิบวัน มีค่าเท่ากับ 500 ล้านเหรียญ


• เพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการจากคนอื่น พวกเขาต้องมีความปรารถนาที่จะ ช่วยเหลือคุณ และพวกเขาต้องไว้วางใจคุณ


• ทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้คนอื่นทำในสิ่งที่คุณต้องการ คือการจูงใจพวกเขา


• ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับอดีตหรือปัจจุบันของคุณ ความสำเร็จเริ่มต้นขึ้น เมื่อคุณเต็มใจทำสิ่งที่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จไม่เต็มใจทำข้างล่างข้อความเหล่านี้ เขาเขียนคำถามไว้หนึ่งคำถาม


• ฉันเต็มใจทำอะไรในวันนี้ เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในวันพรุ่งนี้และคำตอบคือ


* กินอาหารที่บ้าน


* ใช้เงินที่บาร์น้อยลง


* เล่นโป๊กเกอร์สองครั้งต่อเดือนแทนที่จะเป็นหนึ่งครั้งต่ออาทิตย์


* มองถึงผลที่จะได้รับในระยะยาว



- คนที่ประสบความสำเร็จ ต้องใช้ความศรัทธาและการจูงใจ การปฏิบัติตัวให้เป็นตัวอย่าง ทำให้เรามีอำนาจในการจูงใจคนได้อย่างใหญ่หลวง ซึ่งเป็นอำนาจในการโน้มน้าวใจผู้อื่นได้เป็นอย่างดี นี่คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการนำเราไปสู่ความสำเร็จ


- ทำชีวิตให้ดีขึ้น ด้วยกฎ “สามสิบวินาที” เป็นสิ่งที่ โจนาธาน เพเชี่ยน อธิบายให้อาร์เธอร์ฟัง คือ ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการที่คุณสามารถเชื่อมโยงเข้ากับคนอื่นได้ คนเหล่านั้นจะเป็นคนตัดสินใจว่าเขาจะเชื่อมโยงเข้ากับคุณได้หรือไม่ ภายในสามสิบวินาทีแรกที่พบคุณ ใครก็ตาม ไม่ว่าพฤติกรรมหรือสถานการณ์ในอดีตของเขามีชีวิตเลวร้ายอย่างไร เขาก็ยังสามารถประสบความสำเร็จได้



จากนั้นไม่นานอาร์เธอร์เริ่มต้นซื้อหนังสืออ่านและค้นคว้าข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เป้าหมายลำดับแรก คือ เข้าเรียนในวิทยาลัย


- เมื่อมีจุดมุ่งหมายและความปรารถนา ก็จะทำให้ได้รับความสงบสุขในจิตใจจุดมุ่งหมาย + ความปรารถนาอย่างแรงกล้า + การกระทำ = ความสงบสุขในจิตใจ


อาร์เธอร์คิดว่า ถึงเวลาเริ่มต้นชีวิตที่ดีแล้ว แผนการของเขาเริ่มเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาจากการที่โจนาธาน เพเชี่ยน ได้เล่า ทฤษฎี “มาร์ชมาลโลว์” ให้ฟัง


“ผมมาที่นี่ เพื่อนำหมวกคนขับรถมาคืนให้คุณ ผมจะออกจากงานสิ้นเดือนนี้ เพราะคุณปฏิบัติต่อผมเป็นอย่างดี และสอนผมมามาก จนกระทั่งผมพบความมุ่งมั่นที่จะเรียนต่อในวิทยาลัย และวิทยาลัยฟลอริด้า อินเตอร์เนชั่นแนล ตอบรับผมเข้าเรียนแล้ว


โจนาธาน เพเชี่ยน หยิบซองจดหมายออกมายื่นให้อาร์เธอร์ ในนั้นมีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเล่าเรียนตลอดสี่ปี เป็นของขวัญที่อาร์เธอร์ได้พิสูจน์ว่าสามารถบรรลุความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง



บทสรุป การห้ามใจตัวเองไม่ให้กิน “มาร์ชมาลโลว์” ไม่ได้เป็นเพียงทฤษฎี แต่มันสามารถประยุกต์ให้เป็นประโยชน์ต่อวิถีการดำเนินชีวิต


หากคุณกินทุกสิ่งทุกอย่างหมดในวันนี้ ผลที่ได้คือ คุณจะไม่เหลืออะไรเลยในวันพรุ่งนี้


การห้ามใจไม่รีบกิน “มาร์ชมาลโลว์” ไม่ใช่เรื่องง่ายหรือเป็นที่นิยมทำกัน เรามักจะมุ่งความในใจไปที่ ความพึงพอใจฉับพลัน ผลตอบแทนฉับพลัน และกำไรฉับพลัน ดังนั้นเราจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญของเราใหม่ เราจะต้องตัดสินใจเลือกนับล้านครั้งในชั่วชีวิตของเรา และการตัดสินใจเลือกแต่ละครั้งจะเป็นตัวกำหนดว่าเราเป็นใคร เราทำอะไร เราจะเป็นอะไร หรือเราจะได้รับผลอย่างไร
มีคนมากมายที่เริ่มต้นชีวิตอย่าง หรูหรา และลงเอยด้วยความยากจน และมีคนมากมายเช่นกันที่เริ่มต้นชีวิตในย่าน คนจน แต่สามารถเป็นเศรษฐีร้อยล้านพันล้าน


ทางเลือกมาร์ชมาลโลว์ เป็นนักเก็บเงินตัวยง ดีกว่า นักจ่ายเงินตัวยง ถ้าคุณเก็บ มาร์ชมาโลว์ คุณจะบรรลุเป้าหมายของคุณ ถ้าคุณรีบกิน มาร์ชมาลโลว์ ของคุณ คุณก็จะไม่มีวันบรรลุเป้าหมาย


อย่าเพิ่งตอบตกลง ให้อดใจรอผลตอบแทนที่ดีกว่า


เคล็ดลับที่แท้จริงของความสำเร็จแบบมาร์ชมาลโลว์ คือการรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และเก็บเป้าหมายสุดท้ายไว้ในใจ และทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำให้ตัวเองบรรลุถึงความฝันที่เป็น “มาร์ชมาลโลว์” ชิ้นใหญ่ แทนที่จะกินมาร์ชมาลโลว์ชิ้นเล็กๆ ระหว่างทางหมดไปอย่างรวดเร็วเสียก่อน


เส้นทางไปสู่ความสำเร็จ มีหลายเส้นทาง แต่ความสำเร็จที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงนั้น มาจากความอดทน ความมานะพยายาม และสายตาที่มุ่งไปยังเป้าหมายระยะยาว


จอห์นนี่ เด็ปป์ ผู้ซึ่งเป็นนักแสดงที่เรียนไม่จบมัธยมปลาย เติบโตขึ้นมาโดยการเลี้ยงดูของแม่ที่ต้องดิ้นรนตัวคนเดียว ตอนนี้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักแสดงที่ฉลาดมากที่สุดคนหนึ่ง เขาเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่ไม่ได้เลือกทางเดินง่ายๆ ไปสู่ความสำเร็จที่ยื่นมาให้เขาเกือบจะทันทีที่เข้าสู่วงการฮอลลีวู้ด


เด็ปป์ได้รับการเสนอเงิน 10 ล้านเหรียญให้เล่นในบทบาทกัปตัน แจ็ค สแปร์โรว์ ในภาพยนตร์เรื่อง Pirates of the Caribbean เด็ปป์เสี่ยงที่จะโดนไล่ออกด้วยการปรากฏตัวในฉากด้วยผมทรงเดร็ดล็อคที่ตกแต่งด้วยสายถัก ฟันทอง และกลิ่นไอของคีธ ริชาร์ด ตำนานของวงโรลลิ่ง สโตน ที่เด็ปป์สวมบทบาท ผู้บริหารของดีสนีย์รู้สึกกลัว แต่ก็อนุญาตอย่างไม่เต็มใจให้นักแสดงที่ยังไม่พร้อมที่จะกิน “มาร์ชมาลโลว์” ในตอนนี้ ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าร์ ในฐานะดาราแสดงนำฝ่ายชาย ยอดเยี่ยม



แผนการเปลี่ยนแปลงชีวิต 5 ขั้นตอน



1. คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง กลยุทธ์ใดที่คุณสามารถทำได้ในตอนนี้เพื่อไม่รีบกินมาร์ชมาลโลว์ ของคุณ อะไรที่คุณมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง


2. จุดแข็งและจุดอ่อนของคุณคืออะไร คุณจำเป็นต้องปรับปรุงอะไรบ้าง แล้วคุณจะปรับปรุงให้ดีที่สุดได้อย่างไร


3. เป้าหมายหลักของคุณคืออะไร เลือกมาอย่างน้อยห้าเป้าหมายและเขียนมันลงไป หลังจากนั้นเขียนสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้น


4. แผนการของคุณคืออะไร ให้เขียนมันลงไป ถ้าคุณมองไม่เห็นเป้าหมาย คุณก็ไม่สามารถบรรลุมันได้


5. คุณจะทำอะไรบ้าง เพื่อให้แผนการของคุณกลายเป็นการกระทำ คุณมุ่งมั่นที่จะทำอะไรวันนี้พรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า ปีหน้า เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายของคุณ ตามที่อาร์เธอร์ได้เรียนรู้จากเนื้อเรื่อง คุณจะเต็มใจทำในสิ่งที่คนไม่ประสบความสำเร็จไม่เต็มใจทำได้อย่างไร


6. ความฝัน “มาร์ชมาลโลว์” ของคุณคืออะไร คุณจะบรรลุถึงมันได้อย่างไร ความมานะพยายามอย่าทิ้งกลางคัน















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น