ประวัติ
ต้นสนมาริไทม์ ซึ่งมีต้นกำเนิดที่ประเทศฝรั่งเศส นั้นนอกจากนิยมนำมาประดับตกแต่งใช้เป็นต้นคริสต์มาสแล้ว ชาวยุโรปยังนำเปลือกต้นสนดังกล่าวมาใช้เป็นยาพื้นบ้านด้วย โดยใช้เป็นยาระงับการปวดบวม และแก้อักเสบ ต่อมามีนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากได้ให้ความสนใจ สรรพคุณของสารสกัดจากเปลือกสน จึงมีงานวิจัยออกมาจำนวนมากที่กล่าวอ้างถึงคุณประโยชน์ ของสารสกัดจากเปลือกสน ซึ่งยังมีสรรพคุณที่น่าสนใจในแง่ของเครื่องสำอางและบำรุงสุขภาพอีกด้วย
ต้นสนมาริไทม์ ซึ่งมีต้นกำเนิดที่ประเทศฝรั่งเศส นั้นนอกจากนิยมนำมาประดับตกแต่งใช้เป็นต้นคริสต์มาสแล้ว ชาวยุโรปยังนำเปลือกต้นสนดังกล่าวมาใช้เป็นยาพื้นบ้านด้วย โดยใช้เป็นยาระงับการปวดบวม และแก้อักเสบ ต่อมามีนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากได้ให้ความสนใจ สรรพคุณของสารสกัดจากเปลือกสน จึงมีงานวิจัยออกมาจำนวนมากที่กล่าวอ้างถึงคุณประโยชน์ ของสารสกัดจากเปลือกสน ซึ่งยังมีสรรพคุณที่น่าสนใจในแง่ของเครื่องสำอางและบำรุงสุขภาพอีกด้วย
ลักษณะเด่น
สารที่ออกฤทธิ์ในสารสกัดจากเปลือกสน มีชื่อว่าโปรแอนโธโซยานิดินส์ (Proanthocyanidins) เป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) ที่มีโครงสร้างแบบโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (Free Radical) หรือที่เรียกว่าเป็นสารในการแอนตี้ออกซิเดนท์ ได้ดีกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และดีกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า ยังมีกรดอินทรีย์ซึ่งจะร่วมกันทำงานอย่างลงตัว ทำให้มีการออกฤทธิ์ได้ดีกว่าสารประกอบเดี่ยวๆตัวใดตัวหนึ่ง
คุณสมบัติ
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากเปลือกสนที่ได้รับความนิยมในเครื่องสำอางมีสรรพคุณที่เด่นชัดคือ ป้องกันการเกิดฝ้าและจุดด่างดำ ที่เกิดจากเม็ดสีใต้ชั้นหนังทำงานผิดปกติ และจากการถูกแสงแดดบ่อย
นอกจากนี้อีกคุณสมบัติเฉพาะของสารสกัดจาก เปลือกสนคือการเสริมช่วยในการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน ที่เป็นโครงสร้างหลักของผิวหนัง จึงช่วยให้ผิวหนังมีความแข็งแรง และมีความยืดหนุ่น กระชับ ชะลอการเหี่ยวย่นตามวัยได้ และประการสำคัญที่จะทำให้ผิวพรรณดูมีสุขภาพหรือมีเลือดฝาดย่อยเกิดจากการที่ เลือดไหลเวียนดี ซึ่งสารสกัดจากเปลือกสนมีคุณสมบัติช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง และเลือดไหลเวียนดี จึงช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพที่ดีเปล่งปลั่ง และชะลอการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี ดังนั้น หากผู้ทีห่่วงใยสุขภาพ และไม่ต้องการให้มีริ้วรอยแห่งวัยมาเยือนเร็วนักนอกจากการออกกำลังกายอย่าง หม่ำเสมอแล้ว การได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายควบคู่กันไปจะช่วยให้คุณ เป็นเจ้าของร่างกายที่แข็งแรงและผิวพรรณที่ดูดีได้ไม่ยากเลย
เปลือกสนฝรั่งเศสในชื่อ Pycnogenol เป็นชื่อที่แวดวงความงามและสุขภาพพูดถึงกันมากในปัจจุบันรวมทั้งสื่อต่างๆ ทั่วโลก อยากทราบว่า Pycnogenol คืออะไร Dr. Strong : Pycnogenol เป็นชื่อของสารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ที่ปลูกในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันในสภาพแวดล้อมที่ปลอดมลภาวะ และควบคุมปัจจัยในการเติบโตอย่างดีเพื่อไม่ให้มีการข้ามสายพันธุ์ จากการที่ต้นสนมาริไทม์ต้องเติบโตในเขตร้อนจัด และมีอุณหภูมิสูงทำให้ต้นสนสร้างเปลือกเป็นเกราะปกป้องตัวเองจากผลกระทบของสภาพแวดล้อม โดยเปลือกสนอาจหนาถึง 10 ซม. ซึ่งเปลือกสนนี้อุดมด้วยคุณค่าของสารสกัดที่มีคุณสมบัติสำคัญในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ประกอบด้วย โปรไซยานิดิน (Procyanidin) คาทีชิน (Catechin) และสารอินทรีย์อีกกว่า 40 ชนิด ซึ่งได้จดสิทธิบัตรภายใต้ชื่อ Pycnogenol การสกัดสารสำคัญจากเปลือกสนให้ได้คุณค่าสูงสุดต้องสกัดภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากการตัดต้นสน และสกัดด้วยกระบวนการพิเศษเพื่อให้ได้สารสำคัญที่ยังคงประสิทธิภาพเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แล้วสารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ในชื่อ Pycnogenol ให้ประสิทธิภาพแตกต่างจากสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ อย่างไร
Dr. Strong : จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่าในปริมาณที่เท่ากัน Pycnogenol ออกฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระได้สูงกว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่น วิตามินอี และวิตามินซี หลายเท่าตัว ที่สำคัญคือ Pycnogenol ให้ประสิทธิภาพในการช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี เพราะ Pycnogenol จะเลือกจับตัวกับเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ช่วยปกป้องโครงสร้างผิวไม่ให้ถูกทำลายโดยเอนไซม์ที่สลายคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และ Pycnogenol ยังช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสด้วยการป้องกันการสร้างเม็ดสีเมลานินในผิวซึ่งช่วยลดความหมองคล้ำและจุดด่างดำ นอกจากนั้น Pycnogenol ยังมีสารป้องกันการอักเสบให้ผิว ซึ่งช่วยป้องกันผิวจากการถูกทำร้ายด้วยแสงแดด
Dr. Strong : แน่นอน Pycnogenol ได้รับการยอมรับด้านประสิทธิภาพและตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการกว่า 240 ฉบับ ผ่านการทดลองทางคลินิกกว่า 80 แห่งกับคนกว่า 7,000 คน Pycnogenol ได้รับการยอมรับในหลายประเทศด้านความปลอดภัยในการบริโภคด้วยผลการทดลองทางคลินิกและข้อมูลสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ ผ่านการรับรองสถานะ GRAS (Generally Recognized As Safe) จากคณะกรรมการอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับการรับรองใน ฝรั่งเศส อังกฤษ เกาหลี และ ออสเตรเลีย ว่ามีความปลอดภัยในการบริโภคอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานโดยไม่มีผลข้างเคียง
แล้วสารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ในชื่อ Pycnogenol ให้ประสิทธิภาพแตกต่างจากสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ อย่างไร
Dr. Strong : จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่าในปริมาณที่เท่ากัน Pycnogenol ออกฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระได้สูงกว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่น วิตามินอี และวิตามินซี หลายเท่าตัว ที่สำคัญคือ Pycnogenol ให้ประสิทธิภาพในการช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี เพราะ Pycnogenol จะเลือกจับตัวกับเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ช่วยปกป้องโครงสร้างผิวไม่ให้ถูกทำลายโดยเอนไซม์ที่สลายคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และ Pycnogenol ยังช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสด้วยการป้องกันการสร้างเม็ดสีเมลานินในผิวซึ่งช่วยลดความหมองคล้ำและจุดด่างดำ นอกจากนั้น Pycnogenol ยังมีสารป้องกันการอักเสบให้ผิว ซึ่งช่วยป้องกันผิวจากการถูกทำร้ายด้วยแสงแดด
มีบทพิสูจน์การยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรับประทาน Pycnogenol จากทั่วโลกอีกหรือไม่
Dr. Strong : แน่นอน Pycnogenol ได้รับการยอมรับด้านประสิทธิภาพและตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการกว่า 240 ฉบับ ผ่านการทดลองทางคลินิกกว่า 80 แห่งกับคนกว่า 7,000 คน Pycnogenol ได้รับการยอมรับในหลายประเทศด้านความปลอดภัยในการบริโภคด้วยผลการทดลองทางคลินิกและข้อมูลสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ ผ่านการรับรองสถานะ GRAS (Generally Recognized As Safe) จากคณะกรรมการอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับการรับรองใน ฝรั่งเศส อังกฤษ เกาหลี และ ออสเตรเลีย ว่ามีความปลอดภัยในการบริโภคอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานโดยไม่มีผลข้างเคียง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น