เคล็ดลับทำงานให้ประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักตนเอง-พัฒนาอย่างไม่สิ้นสุด |
"A smooth sea never made a skilled sailor." ทะเลที่สงบไม่สามารถที่จะสร้างนักเดินเรือที่เก่งได้ ผู้คนมากมายไขว่ขว้าหาหนทางที่จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ แต่ความสำเร็จนั้นไม่มีหนทางที่สำเร็จรูป ไม่มีตำราไหนบอกได้ว่าทำอย่างไรถึงจะสำเร็จ ส่วนใหญ่ที่พบเห็นจะเป็นการแนะนำอะไรที่เป็นภาพกว้าง ๆ ความสำเร็จนั้นเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจง ขึ้นอยู่กับว่า คนคนนั้นต้องการอะไร และนี่เป็นสาเหตุที่ว่าความสำเร็จนั้นไม่มีสูตรมาตรฐานตายตัว เปรียบได้กับองค์กรว่าไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับการบริหาร ต้องเป็นการออกแบบเฉพาะเท่านั้น การที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนั้นมีปัจจัยอยู่หลายประการ ซึ่งขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่เราต้องการจะไป ระยะเวลาและการพัฒนาของตนเอง ว่ามีความมุมานะแค่ไหน สัตย์ซื่อกับตนเองเท่าใด หลาย ๆ คนเมื่อพบกับอุปสรรคคลื่นลมก็ล้มเลิก เปลี่ยนเป้าหมาย หรือหยุดไปกลางทาง ความสำเร็จอาจจะเปรียบได้กับการเดินเรือไปในมหาสมุทรเพื่อไขว่ขว้าหาสิ่งที่ต้องการ มีคลื่นลม มีอุปสรรค มีแรงต้านทั้งจากตนเองและคนรอบข้าง จึงไม่แปลกที่ความสำเร็จที่หอมหวานจะไม่ได้มาถึงทุก ๆ คน หากตั้งเป้าหมายไว้ไกล แต่ไม่เตรียมสภาพให้พร้อมก็เหมือนกับการนำเรือเก่าหรือผุไปออกทะเล เมื่อเจอคลื่นลมเรือก็แตกหรือล่มได้ สิ่งสำคัญอย่างแรกที่ต้องมีคือการตั้ง เป้าหมายก่อนว่าทิศทางใดที่เราตั้งใจจะไป เพราะถ้าเรายังไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร ส่วนที่เหลือคงไม่ต้องพูดถึง วันนี้เราชัดเจนหรือยังและชัดเจนมากแค่ไหน เราอาจจะต้องมานั่งทบทวนตัวเองดูว่าเราอยากที่จะเห็นอนาคตของตนเองเป็นอะไร เก่งอะไรและประสบความสำเร็จในแบบไหน ความสำเร็จในชีวิตคือสิ่งที่จะต้อง กลั่นออกมาจากความต้องการจริง ๆ เป็น passion ควรจะมีทั้งเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้ไม่ยาวนานเกินไปมีการวัดผลเป็นระยะ ๆ และมีการทบทวนแผนตลอดระยะทาง ไม่ว่าจะเป็นการปรับแผน ไม่ว่าจะเพิ่มหรือจะลดถ้าเราทำอะไรโดยที่ไม่เคยมาทบทวนแผนงานของเรา อาจจะทำให้เราหลุดจากทิศทาง ไปไม่ตรงเป้าหมาย ซึ่งการทบทวนตลอดก็เปรียบได้กับการที่เรามีเข็มทิศคอยทบทวนทิศทาง มีการเตือนตัวเองให้คอยระวังถึงเป้าหมายอยู่ตลอดเวลา ไม่หลงไปในจุดที่ไม่ใช่ แต่คำถามสำคัญยังคงต้องย้ำชัดกับตนเองก่อนว่าในวันนี้เราได้สำรวจตัวเองดีแล้วหรือยัง ต้องมองย้อนกลับไปว่า เรามีความพร้อมแค่ไหน ความเป็นไปได้ด้านความรู้ ดีพอหรือไม่ รู้จักตัวเองให้ดีก่อน ถ้าเราเปรียบความสำเร็จเป็นจุดหมายปลายทางของการเดินเรือที่ยาวไกล แน่นอนว่านักเดินเรือก็ต้องทำได้หลายอย่าง ยามสงบก็ควบคุมทิศทางเรือ ในบางเวลาก็ต้องซ่อมแซมและบำรุงเรือ สิ่งเหล่านี้นักเดินเรือแต่ละคนต้องสรรหาความรู้ความชำนาญที่เหมาะสมและพอดีกับทิศทางที่จะไป ฉะนั้นเมื่อเรามีเป้าหมายก็ต้องรู้จัก และรับรู้ในจุดเด่น และจุดด้อยของตนเองด้วย เริ่มด้วยการสำรวจตนเอง โดยในขั้นนี้ต้องยอมรับกับตัวเองจริง ๆ ไม่หลอกตัวเองเพื่อที่จะหาออกมาให้ได้ว่าจากวันนี้จนถึงเป้าหมายที่เราวางไว้ เรายังขาดอะไรบ้าง ความสามารถอะไร คุณลักษณะแบบใดที่ต้องการและต้องถูกเติมเต็ม อะไรที่เราทำอยู่ตอนนี้แล้วไม่ได้ไปตอบโจทย์ของอนาคตข้างหน้า อะไรที่ควรหยุดอะไรที่ต้องไปเรียนรู้เพิ่ม ใครที่เราต้องไปสร้างพันธมิตร ใครที่จะเป็นเพื่อนคู่คิดที่ไว้ใจได้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบและเราอาจจะไม่สามารถพัฒนาความสามารถทุก ๆ อย่างที่เราขาด ถ้าไม่ได้ จริง ๆ สามารถที่จะหาเพื่อนหรือคนที่จะเป็นพันธมิตรกับเราเพื่อคอยส่งเสริมและ ช่วยเหลือได้หรือไม่ หรือถ้าเราเป็นผู้นำขององค์กรก็ควรจะต้องหาคนมาช่วยในส่วนที่เราขาดเพื่อที่จะเติมเต็มความสามารถตรงนั้น ถ้าเรามีทัศนคติว่าไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ เราก็จะสามารถพัฒนาต่อไปได้เรื่อย ๆ เมื่อเรารู้และยอมรับ (feel) ว่าเราเป็นอย่างไรขาด ตรงไหน จนนำไปสู่การคิดและพัฒนา (think) และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรม (act) จนออกมาเป็นลักษณะเฉพาะและคุณสมบัติที่จะไปสอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้ได้ หลายคนพยายามทำหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าอบรม การอ่านหนังสือประเภท how to หรือหลายสิ่งหลายอย่างโดยลืมมองไปว่าวันนี้เราสำรวจตัวเองดีหรือยัง สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ช่วยหรือรับประกันว่าจะทำให้พวกเขาทำงานได้บรรลุเป้าหมายหรือประสบความสำเร็จในการทำงานได้เลย การมีเป้าหมายที่ดีนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ หากปราศจากการวางแผนและพัฒนาตนเองที่ยอดเยี่ยม ซึ่งนั่นหมายความว่าเป้าหมายที่ดีต้องมีการผลักดันและสามารถบรรลุเป้าหมายออกมาให้ได้ผ่านการลงมือทำจริง ๆ ด้วย ไม่ว่าใครก็สามารถฝันได้ ไม่ว่าคนไหนก็สามารถคิดถึงเป้าหมายที่ดีที่ยอดเยี่ยมได้ แต่จะมีซักกี่คนที่สามารถลงมือปฏิบัติได้อย่างจริงจัง และมั่นคงกับเป้าหมายนั้นได้อย่างไม่หวั่นไหว ไม่ไขว้เขว หรือซวนเซไปตามแรงต้านของอุปสรรคและแรงต้านของโลกที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน หลาย ๆ ปัญหาอาจจะเกิดจากการที่ตัวเราเองไม่สามารถหรืออาจไม่ใส่ใจถึงศักยภาพของตัวเราเอง ณ ปัจจุบันว่าสามารถรองรับเป้าหมายได้หรือไม่ เปรียบเสมือนคนที่เอาแต่ฝันแต่ไม่ยอมฝึกฝน ไม่ยอมลำบาก ไม่ยอมลงมือให้เป็นชิ้นเป็นอัน "รู้เขาแต่ไม่รู้เรา เปลี่ยนร้อยครั้งผลก็เหมือนเดิมร้อยครั้ง" ดังนั้น เราสามารถพัฒนาประสิทธิภาพตนเองเพื่อไปถึงเป้าหมายได้โดยมีแง่คิด ง่าย ๆ 4 วิธีดังนี้ 1.โดยการสะสมเพิ่มพูนความรู้ การบรรลุความสำเร็จในแต่ละครั้งช่วยให้เราเกิดความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้นเรื่อย ๆ และนี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่เราต้องมีทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาวในเป้าหมายที่ต้องการประสบความสำเร็จ ถ้าไม่มีอะไรให้เห็นผลในระยะสั้นเลยอาจจะทำให้เราเหนื่อยล้า หรือหยุดกลางทางได้ 2.โดยการสังเกตการณ์ เมื่อเราเห็นใครบางคนที่คล้ายคลึงกับเราประสบความสำเร็จ เราสามารถทำได้เช่นกัน อาจจะเริ่มศึกษา เริ่มมองดูว่าอะไรเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนคนนั้นประสบความสำเร็จ เราจะพัฒนาตัวเองได้อย่างไร อะไรที่เราสามารถนำมาปรับใช้กับเป้าหมายของเราได้บ้าง 3.โดยทัศนคติ ทัศนคติที่ดีจะช่วยให้เราเกิดความเชื่อในความสามารถของตนเองมากขึ้น ในขณะที่ทัศนคติที่ไม่ดีจะเป็นตัวทำลายความเชื่อนั้น ไม่มีใครที่เก่งหรือเป็นทุกอย่างมาตั้งแต่เกิด ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และไม่มีใครที่ไม่พยายาม ไม่ลงมือ ไม่ทดลอง ไม่ฝึกฝนแล้วจะประสบความสำเร็จ หรือที่บางคนเรียกว่า คนที่ไม่เคยล้มคือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย หลาย ๆ ครั้งเราอาจจะพลาด อาจจะลองแล้วไม่ใช่ไม่ถูกจุด แต่เราจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเพื่อเป็นบทเรียนที่เราจะไปเพิ่มไปเติมในอนาคตเพื่อไม่ให้ลงที่เดิมอีก 4.จากการสนับสนุนของผู้อื่นที่เชื่อมั่นในตัวเรา การมีพันธมิตรที่ดี เพื่อนร่วมงานที่ดีทำให้เรามีความเชื่อมั่นและมีเพื่อนคู่คิด มีคนที่คอยมาช่วยมอง ช่วยแนะ ช่วยให้ข้อมูลป้อนกลับ (feedback) เพื่อช่วยให้เราไม่พลาดในสิ่งที่บางครั้งเราอาจจะมองไม่เห็น สุดท้ายอยากจะขอฝากแง่คิดสั้น ๆ ให้กลับไปขบคิดไปตกผลึกว่าเราจะฝึกฝนตัวเองให้ปฏิบัติงานให้ไปถึงเป้าหมายได้อย่างไร หลาย ๆ ครั้งสิ่งที่ทำให้เราพลาดได้มากที่สุดคือเราไม่รู้จักตัวเองดีพอ หรือเราไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น หลาย ๆ คนไม่ยอมรับว่าเรามีจุดเด่นจุดด้อยอะไร สุดท้ายไม่สามารถพัฒนาและแก้ไขได้ตรงจุดจึงไม่สามารถบรรลุผลได้ ซึ่งตรงจุดนี้อาจจะไปหาแบบทดสอบเพื่อการประเมินผลเพื่อที่จะให้รู้จักตนเองดีขึ้น และสามารถไปทำแผนพัฒนาตนเองเพื่อเป้าหมายแห่งความสำเร็จต่อไป เพราะการไม่รู้จักตนเองที่ดีพอ แค่คิดจะเริ่มก็พลาด ตั้งแต่ออกเดินทางแล้ว |
ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น