ทุกวันนี้นักศึกษาบ้านเราไม่น้อย เลือกเรียนคณะเด่น เอ็นตามเพื่อน ตามใจพ่อแม่ แต่เข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว ยังถามตัวเองอยู่เลยว่าจบไปจะเป็นอะไรดี ลองมาดูคนเจ๋งๆ เหล่านี้เขาทำอะไรถึงประสบความสำเร็จได้ แม้ไม่เคยจบมหาวิทยาลัย
ริชาร์ด แบรนสัน
Richard Branson
ผู้ก่อตั้งแบรนด์เวอร์จิน ด้วยภาพลักษณ์นักธุกิจนอกกรอบ ตำราไหนว่าแน่พี่ขอแหก เสาะแสวงหาความท้าทาย ในการดำเนินชีวิตและธุรกิจ เลิกเรียนตั้งแต่อายุ 16 มาเอาดีด้วยการทำนิตยสารสำหรับนักเรียนเป็นธุรกิจ ค่อยๆ ขยายธุรกิจอื่นๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่สายการบิน เป็นเพลย์บอยแถมรวยภาพที่ปรากฏก็เลยแสบๆ อย่างที่เห็น
โคโค แชลแนล
CoCo Chanel
ผู้ก่อตั้งแบรนด์แชนแนล เธอเกิดมากำพร้า เริ่มอาชีพเป็นเพียงช่างเย็บผ้า ในยุคที่สตรีต้องตัดชุดสตรีเท่านั้น แชนแนลผลักดันตัวเองอย่างกล้าหาญด้วยการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย ด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและผสมผสานเนื้อผ้า สร้างเอกลักษณ์ให้ผลงานของเธอ แต่ที่สร้างชื่อให้เธอเป็นที่จดจำตลอดกาลคือ คือ น้ำหอม แชนแนลหมายเลข 5 อันโด่งดังนั่นเอง
ไมเคิล เดลล์
Michael Dell
ไปไหนก็จะเห็นคอมพิวเตอร์-โน้ทบุ๊คยี่ห้อ Dell กันใช่ไหม ผู้ก่อตั้งคือ ไมเคิล เดลล์ เขาหยุดเรียนตั้งแต่อายุ 19 มาก่อตั้งบริษัท PC's Limited ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Dell, Inc และผันตัวเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ในปี 1996 เดลล์ได้มอบทุนให้มหาลัยเทกซัสจำนวน 50 ล้านเหรียญ (ราวๆ 2,000 ล้านบาท) เพื่อยกระดับสุขภาพและการศึกษาของเยาวชน
เฮนรี่ ฟอร์ด
Henry Ford
ออกจากบ้านตอนอายุ 16 ปีเพื่อเป็นช่างยนต์ ภายหลังก่อตั้ง บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ดำเนินอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ ซึ่งรถที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกคือรุ่น Ford Model T ผลกำไรทำให้ขยายกิจการ และริเริ่มวางสายการผลิตแบบอัตโนมัติ
บิล เกตส์
Bill Gates
ติดอันดับมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกปี 1995 - 2006 ช่วงวัยรุ่นหยุดเรียนเพราะมุ่งมั่นที่จะตั้งบริษัทผลิตซอฟท์แวร์ ชื่อความหมายเล็กจิ๋วว่า บริษัทไมโครซอฟท์ รวยล้นฟ้าแล้วยังใจบุญ เพราะครอบครัวบิลก่อตั้ง มูลนิธิ บิล & มาลิดา เกตส์ คอยช่วยเหลือด้านการศึกษาและสุขภาพแก่คนทั้งโลก
สตีฟ จ็อปส์
Steve Jobs
Steve Jobs
เรียนมหาวิทยาลัยได้เทอมเดียวก็ไปทำงานให้กับ บริษัท อาตาริ ก่อนที่จะควบรวมเป็น บริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ แต่ชื่อมันยาว เดี๋ยวนี้เลยตัดเหลือเพียง แอปเปิ้ล แบรนด์ล้ำๆ ที่ทำให้คนทั้งโลกคลั่ง กับผลงานล่าสุดอย่าง iPad และ iPhone 4 ครั้งหนึ่งสตีฟ จ็อปส์เคยเป็น CEO ให้ Pixar ก่อนที่จะควบรวมกับ วอลท์ ดีสนีย์
เจมส์ คาเมรอน
James Cameron
หยุดเรียนตอนปี 2 ไปทำงานรับจ้างทั่วไป ทั้งขับรถบรรทุกและงานเขียน ระหว่างนั้นก็พยายามเรียนด้าน สเปเชียล เอฟเฟค ด้วยตนเอง จากวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาในห้องสมุด หลังจากดูหนัง สตาร์วอร์ จึงเลิกขับรถบรรทุก ไปหางานในวงการภาพยนตร์ทำ จากงานผู้ช่วย ก็ผันมาเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานที่กลายเป็นตำนาน อย่าง คนเหล็ก 2, ไททานิค และ ภาพยนตร์ 3D สุดอลังการอย่าง อวาตาร
เลดี้ กาก้า
Lady Gaga
กว่าจะเป็นราชินีเพลงป๊อปแดนซ์และเจ้าแม่แฟชั่นหลุดโลกคนนี้ เธอหัดเปียโนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เริ่มเขียนโน้ตเปียโนตอน 13 พออายุ 17 ปีก็แต่งเพลงเอง จนกระทั่งปีสองเทอมสอง เธอหยุดเรียนและหันไปเอาดีในอาชีพดนตรี ด้วยเงินเพียงน้อยนิด จนประสบความสำเร็จในชื่อ "เลดี้ กาก้า" ที่ทั้งโลกรู้จัก ชื่อที่ผันมาจากชื่อเพลง "เรดิโอ กา ก้า"
ไทเกอร์ วู๊ดส์
Tiger Woods
เล่นกอล์ฟตั้งแต่เดินได้ โชว์วงสวิงให้โลกตะลึงตอนอายุ 2 ขวบ เอาชนะพ่อตัวเองได้ตอน 11 ขวบ หลังจากคว้าแชมป์รายการดังมากมาย จึงตัดสินใจหยุดเรียนและเปลี่ยนเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ ขณะอยู่ปี 2 ผูกขาดตัวเองเป็นนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกมานานหลายปี
แม้ไม่เคยเรียนจบแต่ตีกอล์ฟจนได้ดี ปริญญาสาขาต่างๆ ก็มาประเคนให้ ครั้งนึงรัฐมนตรีบ้านเราบ้าจี้เชิญมามอบแล้วบอกว่าวู๊ดส์เป็นคนไทย พี่เสือแกสวนทันทีว่าไม่ใช่ ผมเป็นอเมริกัน ท่านๆ หน้าแหกกันเป็นแถว
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
Mark Zuckerberg
Mark Zuckerberg
ผู้ก่อตั้ง Facebook ที่คนทั้งโลกติดกันงอมแงม พัฒนาเฟสบุ๊คกับเพื่อนร่วมชั้น ตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ที่ ฮาวาร์ด หลังจากที่เฟสบุ๊คได้รับความนิยมและทำเงินมหาศาล ก็หยุดเรียน เพื่อเป็นผู้บริหารของเฟสบุ๊คเต็มตัว ปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก โดยปี 2010 นี้มีทรัพย์สินมูลค่าถึง 4 พันล้านดอลล่าร์
ทั้ง 10 คนนี้ถึง บิล เกตส์ จะรวยที่สุด แต่ ริชาร์ด แบรนสัน ดูน่าอิจฉาที่สุด ด้วยชีวิตสุดเหวี่ยงกิจกรรมสุดเจ๋ง แถมมีกองเชียร์สาวๆ ล้อมรอบตลอดเวลา
ทุกคนที่กล่าวมา สังเกตดีๆ จะเห็นว่า ล้วนมีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่วัยรุ่น และมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าสุดชีวิตที่จะไปให้ถึงปลายฝัน
หากใครยังไม่รู้ตนเอง จบมหาลัยไป ก็เสี่ยงจะเดินเข้าสู่วิถี มนุษย์เงินเดือน บ้างก็เป็น มนุษย์ราชการ วงจรชีวิตหลักของคนส่วนใหญ่ จะเป็นอะไรถ้าสุจริตก็เป็นไปเถอะ ดีกว่าจบมาแล้วเป็น มนุษย์ว่างงาน หรือ มนุษย์เลือกงาน มันน่าอาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น