16 พฤษภาคม 2561

ทฤษฎี "ฝูงห่าน" ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม

ทฤษฎี "ฝูงห่าน" ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม  




YouTube Video






             หากพิจารณาดูดีๆ กฎเกณฑ์ทางธรมชาติ ได้มอบปรัชญาและการดำรงชีวิตที่ละเอียดอ่อนและมหัศจรรย์ไว้ให้มนุษย์เสมอ ไม่ว่าจะเป็น วงจรขึ้น-ลงของพระอาทิตย์ ที่แสดงถึงโอกาสในการแสดงประโยชน์ของคนเราว่ามีทั้งขาขึ้นและขาลง ไม่มีใครรักษา อำนาจ และกอดความก้าวหน้า เอาไว้กับตัวเองได้ตลอดเวลา การทำงานทุกอย่างรวมไปถึงการกระทำต้องรู้จัก "จังหวะ" "เวลา" และ "โอกาส" รวมไปถึงการยอมรับความสามารถของตนเอง ไปจนถึงปรัชญายอดภูเขา ยิ่งสูงยิ่งหนาว ที่สอนให้คนเราพึงระวังเมื่อก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนตำแหน่ง "ยอดภูเขา" ที่สูงและลมแรง

             หลักการบินของ “ฝูงห่านไซบีเรีย” เป็นหนึ่งในต้นแบบที่ถูกนำปรับใช้เป็นจิตวิทยาองค์กร โดย โปรเฟซเซอร์ ดร.ลีโอนาร์ด โยง นักจิตวิทยา และวิทยากรชื่อดังชาวมาเลเซีย จากสถาบัน IITD โดยหยิบมาสร้าง "ทฤษฎีผู้นำ" โดยเรียนรู้วิธีการบินของฝูงห่าน ซึ่งแสดงถึงการทำงานเป็น"ทีม"

             "หลักการบินของห่านไซบีเรีย สอนถึงการทำงานเป็นทีม และสอนวิธีการทำงานร่วมกับผู้ร่วมงานคนอื่นๆ อย่างยุติธรรม หน่วยงานที่ต้องการความอยู่รอด และพัฒนาขององค์กรในยามที่ทรัพยากรมีอยู่จำกัด จำเป็นต้องมีร่วมแรงร่วมใจบินกันไปเป็นกลุ่ม ซึ่งจะทำให้องค์กรนั้นสามารถพัฒนาศักยภาพ ภายใต้ขีดความสามารถที่มี โดยที่ทุกฝ่ายต่างก็พอใจ ไม่เกิดความขัดแย้งแ ละยังได้รับการพัฒนาความสามารถในตัวเองอยู่ตลอดเวลา" มร.โยง กล่าว

             ในช่วงฤดูหนาว ห่านไซบีเรียจะพากันอพยพย้ายถิ่นฐาน เพื่อไปหากินในทำเลใหม่ที่อบอุ่นกว่า เนื่องจากในอาณาบริเวณแถบไซบีเรียนั้น เต็มไปด้วยน้ำแข็ง อากาศหนาวจนอุณหภูมิติดลบ

              ด้วยความที่ถิ่นที่อยู่ของพวกมันอากาศหนาวจนหากินลำบาก และไม่มีอาหารหลงเหลือเพียงพอสำหรับรองรับความเป็นอยู่ พวกห่านจึงต้องขวนขวาย หาทางออกด้วยการบินอพยพหนีกันไปเป็นฝูง ร่วมหลายร้อยตัวด้วยสภาพที่ต้องเจอได้แก่ ระยะทางการบินหลายร้อยไมล์ การบินด้วยความเร็วอย่างสม่ำเสมอ และไม่ได้หยุดพักผ่อน ณ บริเวณใดที่บินผ่านเลยแม้แต่นิดเดียว อาหารและกำลังที่จำกัด พวกมันมีวิธีการทำการกันอย่างไร? โดยไม่หยุดพักและบินกันไปอย่างสามัคคีเป็นกลุ่มก้อน




YouTube Video











             ข้อเท็จจริง ห่านทุกตัวมีวิธีการบินที่กางปีกเป็นรูปตัว V ห่านที่เป็นจ่าฝูง จะบินนำห่านตัวอื่นๆ เพื่อ "ต้านกระแสลม" ลดแรงกระแทกจากลมที่พัดเข้ามาตลอดระยะการบิน

              จากการพิสูจน์พบว่า การบินไปพร้อมๆ กันเป็นกลุ่มก้อนรูปตัว V อย่างพร้อมเพรียงกัน ห่านที่เป็นจ่าฝูงจะช่วยสามารถช่วยต้านลดแรงกระแทก และลดความเร็วที่ลมจะเข้ามาปะทะห่านตัวอื่นๆ ที่บินถัดกันไปเป็นลำดับ มากกว่าที่ห่านตัวใดตัวหนึ่งจะบินกันอย่างกระจัดกระจายหรือบินไปตัวเดียวหรือบินเดี่ยวๆ

             บทเรียน จากการบินกางปีกเป็นรูปตัว V ของฝูงห่านแสดงถึง การออกแรงอย่างเต็มที่ของ "ห่านจ่าฝูง" รวมถึงทำงานกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ที่สมาชิกในทีมต้องมีการรับรู้ทิศทางการบินอย่างพร้อมเพรียงกันว่า ณ ขณะนี้การบินกันไปเป็นกลุ่มจะมีความเร็วเท่าไหร่? และมีทิศทางการบินอย่างไร?

             ผู้บริหารจึงควรสื่อสารเป้าหมายในการทำงาน และมีการสื่อสารกำกับผู้ร่วมงานในทีมงานทั่วทุกคนอยู่ตลอดเวลา ว่าขณะนี้อยู่ในระยะบินช้า บินเร็ว บินสูง บินต่ำ จะทำให้เกิดความเข้าใจใน ทิศทาง การทำงาน (Direction) และเกิดความเข้าใจกำหนดบทบาท ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

              ข้อเท็จจริง เมื่อมีห่านตัวใดตัวหนึ่งในฝูงรู้สึกเหนื่อย หรือบินด้วยความเร็วที่ต่ำลง จากระดับการบินปกติ แรงต้านจากกระแสลมจะเกิดขึ้น ทางออกคือ เคลื่อนย้าย "ห่านตัวนั้น" ไปบินพยุงตัว หรือพักผ่อนอยู่ด้านหลังของแถว ซึ่งใช้กำลัง และแรงในการบินน้อยกว่าการบินของห่านในตำแหน่งอื่นๆ ส่วนห่านตัวอื่นๆ ที่ยังแข็งแรง ควรถูกขับเคลื่อนมาบินในตำแหน่ง ด้านหน้า เพื่อรับกับการฝ่าแรงของกระแสลมตลอดระยะเส้นทางที่ยาวไกล

             บทเรียน ลักษณะการ บินพยุงตัว หรือการ บินสลับตำแหน่งหน้า - หลัง เป็นตัวแทนของการทำงานที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันว่า ในชีวิตการทำงานต้องมีการหยุดเพื่อพักผ่อน หรือผลัดกันทำหน้าที่เป็นผู้นำ ผลัดกันทำหน้าที่เป็นผู้ตาม เนื่องจากไม่มีห่านตัวใดที่สามารถบินด้วยความเร็วสูงคงที่ ได้อย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา และในการทำงานเป็นทีม ก็ไม่มีห่านตัวใดที่บินช้า และกินแรงห่านตัวอื่นๆ โดยการบินอยู่ในตำแหน่งท้ายโดยตลอด 








YouTube


Video




https://youtu.be/4oh0wrwxW2Y



             



               ข้อเท็จจริง วิธีการบินของห่านข้อนี้จะทำให้เพื่อนร่วมงานในทีม ผลัดกันเป็นผู้ให้ และผลัดกันเป็นผู้รับ รวมไปถึง "ผลัดกันเป็นผู้นำ" และ "ผลัดกันเป็นผู้ตาม" ช่วยกันรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายมา อย่างเต็มใจตลอดเวลา

              ความจริง อีกข้อหนึ่งคือ ห่านทุกตัวต้องมีการพักผ่อน เพื่อออมแรงในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า ตรงกับความเป็นจริงที่ว่าสภาพของห่าน ที่บินอย่างหักโหมตลอดเวลา โดยไม่รู้จักจังหวะในการพักผ่อน ห่านตัวนั้นในช่วงเวลาที่เหนื่อยอาจจะหมดแรง และอยากจะหยุดบิน ไปเลย ซึ่งส่งผลกระทบให้กับการทำงานเป็นทีม เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตการทำงาน

             ห่านที่รู้จักวิธีการทำงาน ที่ถูกสุขอนามัยในระยะยาว และทำให้เกิดประสิทธิภาพในการบินอย่างสม่ำเสมอ การทำงานเป็นทีมต้อง "รู้จักจังหวะเวลา" ที่จะบินผ่อน หรือจังหวะเวลาการบินแบบออกกำลังทุ่มเทอย่างเต็มที่ ห่านทุกตัวจึงจะสามารถมุ่งหน้า อพยพย้ายถิ่นจะมีการหมุนเวียนสลับกัน และบินสลับตำแหน่งกัน ด้วยวิธีการบินสลับตำแหน่งกันไป

             บทเรียน การทำงานร่วมกันไปเป็นทีม ทีมงานทุกคนต้องมีส่วนช่วยเหลือในผลงานกันอย่างเป็นกลุ่มก้อน ไม่มีใครที่สามารถทำงานหนักตลอดเวลา โดยที่ไม่มีช่วงเวลาในการ "เบรก" หรือพักผ่อน และก็ต้องไม่มีห่านตัวไหนในทีมที่สามารถบินอย่างเรื่อยๆ สบายๆ เหมือนบินอยู่ตัวเดียวโดดๆ บนฟ้า ในขณะที่ฝูงห่านตัวอื่นๆ กำลังบินขับเคลื่อนฝูงห่านมุ่งไปสู่หนทางข้างหน้าด้วยความเร็วสูงอย่างคงที่ ตลอดระยะทางอันยาวไกลอย่างพร้อมเพรียงกัน

             สาเหตุที่ฝูงห่านต้อง "บินสลับตำแหน่งกันไป" เกิดจากว่า ตำแหน่ง "จ่าฝูง" เป็นตำแหน่งที่ต้องใช้แรง และพละกำลังมากที่สุด ต้องมีการบินสลับบ้างบางจังหวะ เพื่อการพักผ่อน การบินไปเป็นกลุ่มก้อน สามารถสะท้อนถึงความร่วมแรงร่วมใจในการทำงานเป็นทีมเวิร์ค ห่านตัวอื่นๆ ก็ต้องมีการใช้กำลัง ความสามารถและศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกัน ห่านทุกตัวต่างก็รอคอยอย่างมีความหวังว่า หนทางข้างหน้ายังมีแหล่งน้ำและอาหารอันอุดมสมบูรณ์

             ข้อเท็จจริง วิธีการบินเฉพาะตำแหน่งของห่านแต่ละตำแหน่ง มีบทบาทและความรับผิดชอบไม่เท่ากัน การที่ห่านที่อยู่ตำแหน่งด้านหน้าที่เป็นจ่าฝูง ต้องใช้กำลังในการบินและต้องออกแรงมากที่สุดตลอดเวลา ห่านที่บินอยู่แถวหลังก็ยังสามารถบินพยุงตัว" หรือ "บินกางปีกอยู่เฉยๆ ในลักษณะผ่อนแรง วิธีการแบบ "การบินสลับตำแหน่งกัน" เป็นกระบวนการทำงานเป็นทีม ที่สอนให้ฝูงห่านต่างฝ่ายต่างรับรู้ความรับผิดชอบ และบทบาทหน้าที่ๆ ได้รับมอบหมายซึ่งกันและกันอย่างทั่วถึง

            หากการทำงานเป็นกลุ่ม ไม่เคยมีปรากฏการณ์ "การผลัดเปลี่ยน" งานหมุนเวียนความรับผิดชอบกัน ห่านที่บินอยู่ข้างหลัง ก็จะอยากเปลี่ยนมาบินในตำแหน่งข้างหน้า ขณะเดียวกันห่านที่บินอยู่ตำแหน่งข้างหน้า ก็อยากย้ายไปกำกับอยู่ข้างหลัง



YouTube Video










           บทเรียน การกำหนดวิธีการบิน "เฉพาะตำแหน่ง" ของห่าน สอนให้รู้ว่า "การทำงานเป็นกลุ่ม" ต้องมีการสื่อสารบทบาทและหน้าที่ และกำหนดความรับผิดชอบซึ่งกันและกันตาม "ความสามารถ" และ "ตระหนัก" ถึงคุณค่าของตำแหน่งการบินของห่านแต่ละตัวว่า มีส่วนร่วมในการพัฒนาผลงานกันเป็นทีม

             เพราะหากไม่มีการรับรู้ และตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ในการบินไปเป็นลักษณะรูปตัว V สลับกันไปแต่ละตำแหน่ง ห่านแต่ละตัวจะไม่รู้คุณค่าของ "ตำแหน่ง" ที่ตัวเองบินอยู่ และอยากที่จะบินเรียงแถวหน้ากระดาน เนื่องจากความต้องการกำกับการบินและต้องการได้รับ "การยอมรับ" ด้วยความเข้าใจที่ผิดว่า "ตำแหน่งจ่าฝูง เป็นตำแหน่งที่สามารถควบคุมทิศทางการบินของฝูงห่านทั้งหมดและบินได้ง่ายที่สุด

            ในขณะเดียวกันห่านที่บินอยู่ตำแหน่ง "จ่าฝูง" ก็อยากย้ายไปบินอยู่ข้างหลัง เนื่องจากไม่สามารถบินต้านกระแสลมโดยไม่หยุดพักตลอดเส้นทางการบิน จึงเกิดการบริหารงานเป็นทีม อย่างกลับข้างกันเป็นรูป < กลับข้าง เนื่องจากห่านที่เป็น จ่าฝูง ก็อยากจะเปลี่ยนตำแหน่งไปบินในลักษณะ "กำกับงานอยู่ด้านหลัง"

             ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ ทำให้ห่านที่บินอยู่ในตำแหน่งหลังสุดรับภาระมากที่สุดอยู่ดี ถึงแม้ว่าจะมีการบินเปลี่ยนตำแหน่งการกำกับแถว

              โปรเฟซเซอร์ ดร.โยง ยังบอกว่า "การบินไปเป็นกลุ่มของห่าน" ยังสอนให้ทีมงานรับรู้ไว้ในความจริงข้อหนึ่งที่ว่า ลักษณะการบินไปเป็นกลุ่มอย่างถูกวิธี เมื่อมีห่านตัวใดตัวหนึ่งในทีมป่วย บาดเจ็บ หมดแรง หรือถูกยิงตกลงไป ห่านทั้งฝูงนั้นก็ยังสามารถบินกันไปเป็นกลุ่มก้อนอยู่ได้ตลอดเส้นทางการบิน...






YouTube Video





ที่มา     ::  http://oknation.nationtv.tv/blog/thaidbmag/2011/06/29/entry-1








4 ความคิดเห็น:

  1. "ทฤษฎีฝูงห่าน" จังหวะ-เวลา-โอกาส(1)


    ไม่น่าเชื่อว่า "หลักการบินของฝูงห่าน" จากไซบีเรีย จะถูกนำมาเป็นทฤษฎีบริหารจัดการอย่างน่าทึ่งโดย "ดร.ลีโอนาร์โดโยง" ที่เรียนรู้วิธีการบินของฝูงห่านซึ่งแสดงถึง การทำงานเป็นทีมอย่างน่าทึ่ง เขาบอกว่า "หลักการบินของ ฝูงห่านสอนถึงการทำงานเป็นทีมและวิธีทำงานร่วมกับคนอื่นๆ หน่วยงานที่ต้องการความอยู่รอดต้องร่วมแรงร่วมใจภายใต้ขีดความสามารถที่ทุกฝ่ายต่างก็พอใจไม่เกิดความขัดแย้งและยังได้รับการพัฒนาความสามารถในตัวเองตลอดเวลา"



    ในฤดูหนาวของทุกๆ ปี ห่านไซบีเรียจะพากันบินไปหาแหล่งที่อบอุ่นไกลเป็นพันๆ กิโลฯ สิ่งที่จะต้องทำคือต้องมีวิธีการจัดการและต้องสามัคคี



    ห่านทุกตัวจึงต้องบินเป็นรูปตัว "V" โดยห่านที่เป็นจ่าฝูงต้องบินนำตัวอื่นๆเพื่อ"ต้านกระแสลม" เพื่อลดแรงกระแทก จากลมที่พัดเข้ามาตลอดจากระยะการบิน จากการพิสูจน์พบว่า การบินไปพร้อมๆ กันเป็นกลุ่มก้อน "รูปตัว V" อย่างพร้อมเพรียงกัน ห่านที่เป็นจ่าฝูงจะช่วยลดแรงกระแทกและแรงปะทะให้กับห่านตัวอื่นๆ และยังแสดงถึงการเสียสละของผู้นำเพราะต้องออกแรงอย่างเต็มที่เพื่อผ่อนแรงของเพื่อนๆ ร่วมทีมและสะท้อนถึงการทำงานแบบกลุ่มก้อนของสมาชิกที่ต้องรู้ทิศทางการบินอย่างพร้อมเพรียงกัน



    ที่สำคัญต้องรู้ทิศทางและรู้จังหวะว่าจะบินเร็วแค่ไหน ผู้บริหารก็คงสื่อเป้าหมายในการทำงานอยู่ตลอดเวลาว่าขณะนี้ควรอยู่ในระยะ "บินช้า บินเร็ว บินสูงหรือบินต่ำ" เพื่อให้เกิดความเข้าใจใน "ทิศทาง" ร่วมกัน



    เมื่อตัวใดรู้สึกเหนื่อยบินด้วยความเร็ว "ต่ำลง" จากปกติ แรงต้านจากกระแสลมจะเกิดขึ้น ทางออกคือย้ายห่านตัวนั้นไปบินแบบ "พยุงตัว" ให้ไปพักผ่อนด้านหลังของแถว ซึ่งจะออกแรงน้อยกว่าตำแหน่งอื่นๆ แล้วเอาตัวที่แข็งแรงมาอยู่ "ด้านหน้า" ลักษณะการบิน"พยุงตัว"และ"สลับหน้า-หลัง" เป็นการผลัดกันทำหน้าที่ให้คนที่เหนื่อยได้หยุดพักผ่อนเพราะไม่มีห่านตัวใดบินด้วยความเร็วสูงตลอดและไม่มีตัวใดจะบินช้าตลอดเวลาเช่นกัน



    การทำงานเป็นทีม ต้องผลัดกันเป็น "ผู้ให้" ผลัดกันเป็น"ผู้รับ"รวมทั้ง"ผลัดกันนำผลัดกันตาม"

    ตอบลบ
  2. ทฤษฎีฝูงห่าน จังหวะ-เวลา-โอกาส(จบ)



    คราวที่แล้วเราได้พูดถึงความชาญฉลาดของฝูงห่านที่บินระยะทางไกลๆ มีเคล็ดลับการบินไม่ให้เหนื่อยด้วยการ "บินพยุงตัว" ข้อเท็จจริงคือห่านทุกตัวต้องพักผ่อนออมแรงเอาไว้บินต่อ หากหักโหมอาจจะเหนื่อยจน "หยุดบิน" นี่เป็นวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพในระยะยาว



    การทำงานเป็นทีมต้อง "รู้จักจังหวะเวลา" ที่จะ "บินผ่อน" หรือจังหวะเวลาการบินแบบ "ออกกำลังทุ่มเท" ห่านทุกตัวจึงสามารถมุ่งหน้าอพยพย้ายถิ่นจะมีการหมุนเวียนสลับกันด้วยวิธีการ "บินสลับตำแหน่งกันไป" ทีมงานทุกคนต้องช่วยเหลือกัน ไม่มีใครทำงานหนักตลอดเวลาต้องมีช่วงเวลา "เบรก" หรือพักผ่อนแต่ก็ไม่ใช่บินแบบเรื่อยๆ สบายๆ บินแบบอยู่ตัวเดียวโดดๆ ขณะที่ฝูงห่านตัวอื่นๆ บินด้วยความเร็วสูงคงที่ตลอดระยะทางอันยาวไกลอย่างพร้อมเพรียงกัน



    ที่สำคัญการบินของห่านในแต่ละตำแหน่งจะมีความรับผิดชอบไม่เท่ากัน ห่านที่เป็น "จ่าฝูง" ต้องใช้พลังในการบินมากที่สุดตลอดเวลา ห่านที่บินอยู่แถวหลังสามารถ "บินพยุงตัว" หรือ "กางปีกเฉยๆ" ซึ่งเรียกว่า "บทบาทเฉพาะตำแหน่ง"



    การบินสลับตำแหน่งจึงสอนให้ฝูงห่านต่างรับรู้ความรับผิดชอบและบทบาทที่ได้รับมอบหมายซึ่งกันและกันอย่างทั่วถึง ส่วน "การบินเฉพาะตำแหน่ง" สอนให้รู้ว่าการทำงานเป็น กลุ่มต้องมีการสื่อสารบทบาทและหน้าที่และกำหนดความรับผิดชอบตามความสามารถและตระหนักในคุณค่าการบินของห่านแต่ละตัวว่ามีส่วนร่วมในการพัฒนาผลงานกันเป็นทีม



    หากไม่มีการรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ในการบินลักษณะเป็นรู้ตัว "V" ห่านแต่ละตัวจะไม่รู้คุณค่าของตำแหน่งที่ตัวเองบินอยู่ จึงอยากจะบินแบบ "เรียงหน้ากระดาน" เพราะต้องการได้รับ "การยอมรับ" ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าตำแหน่งจ่าฝูงเป็นตำแหน่งที่สามารถควบคุมทิศทางการบินของฝูงห่านทั้งหมดและบินได้ง่ายที่สุด



    ดร.โยงบอกว่า "การบินเป็นกลุ่มของห่านยังสอนให้ทีมงานรับรู้ความจริงข้อหนึ่งที่ว่าลักษณะการบินไปเป็น กลุ่มอย่างถูกวิธี เมื่อมีห่านตัวหนึ่งในทีมป่วยบาดเจ็บ หมดแรงหรือถูกยิงตก ห่านฝูงนั้นยังสามารถบินกันไปเป็นกลุ่มก้อนอยู่ตลอดเส้นทางบิน"

    ตอบลบ
  3. กลยุทธ์ " การบินของฝูงห่าน “ สู่การทำงานเป็นทีม (ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม)
    1. การบินรูปตัว V มีผู้นำฝูงบินนำแล้วตัวอื่นๆ บินตามแบบเยื้องๆ (ตามภาพข้างบน) การบินแบบนี้พิสูจน์แล้วว่า การกระพือปีกของนกตัวหน้าจะมีเกิดแรงพุ่งไปด้านหลังช่วยพยุงให้นกตัวที่บินตามใช้พลังงานน้อยลงถึง ร้อยละ 70 ( มีแรงยกทำให้ประหยัดพลังงาน) ...เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน...
    2. ถ้าเมื่อใดที่นกผู้นำฝูง(ตัวนี้จะเหนื่อยที่สุด)เกิดอาการอ่อนล้า ก็จะบินถอยมาเป็นตัวตามและจะมีตัวอื่นบินขึ้นไปนำแทน ...ในหนึ่งองค์กรทุกคนสามารถเป็นผู้นำได้เสมอ...
    3. ขณะที่บินฝูงห่านจะร้องเสียงดัง เปรียบเสมือนสัณญานการเคลื่อนขบวนอย่างพร้อมเพียงในระดับความเร็วที่เหมาะสมทั้งตัวอยู่ข้างหน้าและตัวหลังสุด ...การทำงานของคนในองค์กรต้องเคลื่อนไปพร้อมๆกัน..
    4. หากมีนกบางตัวแหกฝูง ( ตัวปัญหา) บินออกไปบินเดี่ยวจะบินไปได้ไม่นานจะอ่อนแรง เพราะต้านแรงลมไม่ไหว จะกลับเข้าสู่ฝูงอีกครั้งเพื่ออาศัยแรงยกในที่สุด ...ความสามัคคีคือพลัง..
    5. เมื่อใดก็ตามที่นกบางตัวบาดเจ็บ บินตามไปไม่ไหวต้องลงสู่พื้นเพื่อรักษาตัวเอง จะมีเพื่อนนกบินตามลงมาเป็นเพื่อนและคอยจนกว่านกที่ป่วยจะแข็งแรง/หรือตาย จึงบินกลับฝูง ...จงมีความเอืออาทรในการทำงาน...
    สรุป การทำงานเป็นทีม สำคัญที่สุด

    ตอบลบ
  4. การทำงาน เป็นทีม (ของห่าน)

    ๏ คุณเคยสังเกตเห็นไหมว่าในฤดูใบไม้ร่วง ฝูงห่านมักบินมุ่งหน้าไปยังทิศใต้ ในลักษณะที่เป็นตัวอักษรวี (v) จากการศึกษา ตามหลักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า เหตุใดฝูงห่านจึงต้องบินเช่นนั้น

    ๏ ในขณะที่ห่านตัวหนึ่งกระพือปีก ห่านที่บินตามมาจะได้รับแรงยกเพิ่มขึ้น ดังนั้น การที่ฝูงห่านบินเป็นอักษรวี (v) นั้น จะทำให้ประสิทธิภาพการบินเพิ่มขึ้น ๗๖% กว่าการบินเดี่ยวเพียงตัวเดียว

    ๏ คนที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมซึ่งไปในทิศทางเดียวกัน สามารถไปถึงจุดหมายได้เร็วกว่าและง่ายกว่า เพราะว่าคนเหล่านั้น มุ่งหน้าไปโดยอาศัยความไว้วางใจ การทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด การแบ่งปันข้อมูลกัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

    ๏ หากห่านตัวใดตัวหนึ่งเกิดบินหลุดจากฝูง มันจะรู้สึกได้ทันทีถึงแรงต้านทานที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น มันจะรีบบินกับเข้าฝูง อย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้ประโยชน์ในการบินเป็นฝูง

    ๏ ถ้าเรามีไหวพริบเหมือนห่าน เราจะมีการแบ่งปันข้อมูลกับบุลคลอื่นที่มุ่งหน้าไปยังที่ที่เดียว กับเรา

    ๏ เมื่อห่านที่บินอยู่ข้างหน้ารู้สึกเหนื่อย มันจะบินไปอยู่ข้างหลัง และให้ห่านตัวอื่นบินข้างหน้าแทน

    ๏ เราต้องมีการแบ่งปันภาวะผู้นำ และผลัดเปลี่ยนกันไปการทำงานหนัก

    ๏ ฝูงห่านที่บินอยู่ข้างหลังจะส่งเสียงร้องเพื่อให้กำลังใจห่านที่บินอยู่ข้างหน้าให้รักษาระดับความเร็วต่อไป

    ๏ คำพูดชมเชยและกำลังใจ จะทำให้คนที่อยู่แนวหน้ายังคงมุ่งหน้าต่อไปได้ ท่ามกลางความกดดัน และความอ่อนล้า ที่ต้องเผชิญ ในแต่ละวัน

    ๏ ท้ายที่สุด หากว่าห่านตัวใดตัวหนึ่งป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ และไม่สามารถบินร่วมฝูงได้ ห่านอีก ๒ ตัวจะบินตามลงมา เพื่อช่วยเหลือและปกป้องห่านตัวที่บาดเจ็บ จนกระทั่งห่านตัวนั้นหายดีหรือว่าตายไปแล้ว ห่านทั้ง ๒ ตัวนั้น จะเข้ากลุ่ม กับฝูงห่าน เพื่อ จะตามหาฝูงห่านเดิมให้ได้ทัน

    ๏ หากเรามีสัญชาตญาณเหมือนห่าน เราจะยืนอยู่เคียงข้างคนอื่นๆ ในช่วงเวลาที่ยุ่งยาก

    ๏ หากคุณมีโอกาสได้เห็นฝูงห่านอีก จงอย่าลืมว่ามันเป็นรางวัล ความท้าทาย และสิทธิพิเศษในการเป็นส่วนหนึ่งของทีม

    Team : Together
    Everyone
    Achieve
    More

    ตอบลบ