โรคริดสีดวง
โรคริดสีดวงทวาร (hemorrhoids) เป็นโรคที่พบบ่อย โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย และเมื่อเกิดอาการก็เพิ่มความยากลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันมากพอสมควร ดังนั้นหากใครกำลังมองหาวิธีแก้โรคริดสีดวงทวารกันอยู่ อย่าปล่อยให้โรคริดสีดวงอยู่กับเรานานเกินไปค่ะ จัดการด่วน !
โรคริดสีดวงมีกี่ชนิด
1. โรคริดสีดวงทวารแบบภายนอก (External hemorrhoids) เป็นชนิดที่มีติ่งเนื้อนุ่ม ๆ ยื่นออกมาจากทวารหนัก สามารถสัมผัสได้ มักมีอาการเจ็บปวด และอาจมีเลือดออกได้เมื่อมีการเบ่งอุจจาระ
2. โรคริดสีดวงทวารแบบภายใน (Internal hemorrhoids) จะเป็นติ่งเนื้อบวมอยู่ภายในทวารหนัก ไม่สามารถสัมผัสได้ โดยมากมักไม่มีอาการเจ็บปวด แต่สังเกตได้จากอาการเลือดสด ๆ ไหลออกพร้อม ๆ กับอุจจาระ เป็นชนิดที่พบบ่อยกว่าโรคริดสีดวงทวารแบบภายนอก
แพทย์หญิงนรสรา วิทยาพิพัฒน์ โรงพยาบาลพญาไท 3 ให้ข้อมูลว่า สาเหตุของโรคริดสีดวงเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะพฤติกรรมการขับถ่ายของแต่ละบุคคล ซึ่งจำแนกได้ดังนี้
- ภาวะท้องผูกเรื้อรัง
- ท้องเสียบ่อย
- พฤติกรรมชอบเบ่งอุจจาระอย่างแรง
- ชอบนั่งถ่ายอุจจาระเป็นเวลานาน เช่น นั่งอ่านหนังสือหรือเล่นมือถือระหว่างการขับถ่าย
- ใช้ยาสวนอุจจาระหรือยาระบายบ่อยเกินความจำเป็น
- มีภาวะโรคตับแข็งซึ่งทำให้เลือดดำอุดตันจนเส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักโป่งพอง
- อายุมากขึ้น กล้ามเนื้อหย่อนยานจนทำให้เบาะรองเลื่อนลงมาจนยื่นออกมาจากทวารหนัก
- บุคคลที่ในครอบครัวมีประวัติ อาจมีแนวโน้มเป็นโรคริดสีดวงมากกว่าปกติ
- ริดสีดวงช่วงตั้งครรภ์ โดยริดสีดวงเกิดจากปัญหาท้องผูก ที่อาจเกิดก่อนตั้งครรภ์หรือขณะตั้งครรภ์ก็ได้ ยิ่งช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ก็ส่งผลให้เกิดการยืดขยายตัวของกล้ามเนื้อทางเดินอาหารและการกดทับของลำไส้ เนื่องจากมดลูกที่เพิ่มขนาดมากขึ้น เมื่ออาการท้องผูกถูกปล่อยไว้นานก็กลายเป็นต้นเหตุของภาวะริดสีดวงได้
ริดสีดวงทวาร อาการไหนบ่งบอก
- มีเลือดสด ๆ ปนออกมากับอุจจาระ
- สังเกตได้ว่ามีติ่งเนื้อยื่นออกมาจากทวารหนักขณะอุจจาระ
- ทวารหนักเปียกแฉะ และมีอาการคันรอบ ๆ ปากทวารหนักร่วมด้วย
- มีอาการเจ็บที่ทวารหนัก โดยเฉพาะตอนขับถ่าย
- คลำเจอก้อนเนื้อบริเวณทวารหนัก
ความรุนแรงของโรค
ความรุนแรงของโรคริดสีดวงทวารหนักแบ่งได้เป็น 4 ระยะคือ
ระยะที่ 1 ยังไม่มีติ่งเนื้อหรือก้อนยื่นออกมานอกทวารหนัก
ระยะที่ 2 เริ่มมีติ่งเนื้อหรือก้อนยื่นออกมาขณะเบ่ง ถ่ายอุจจาระ และจะหดกลับเข้าไปได้เอง โดยไม่ต้องใช้มือช่วยดันเข้าไป ยังไม่รู้สึกเจ็บ แต่มีเลือดออก
ระยะที่ 3 มีติ่งเนื้อหรือก้อนยื่นออกมาขณะเบ่งอุจจาระ แต่ไม่หดกลับเข้าไปได้เอง จะต้องใช้มือช่วยดันเข้าไป จึงจะกลับเข้าไปในทวารหนัก
ระยะที่ 4 มีติ่งเนื้อหรือก้อนยื่นออกมาแล้ว ไม่สามารถใช้มือดันติ่งเนื้อนี้เข้าไปในทวารหนักได้เลย
ริดสีดวง รักษาด้วยตัวเอง ต้องทำยังไง
หากเป็นริดสีดวงระยะแรกที่หัวยังอยู่ภายใน ไม่เจ็บ แต่จะมีเลือดออก หรือริดสีดวงระยะที่ 2 ที่มีหัวริดสีดวงยื่นออกมาจากปากทวารเมื่อถ่ายอุจจาระ แต่จะหดกลับเข้าไปเองได้ ริดสีดวงทั้ง 2 ระยะนี้สามารถรักษาได้ด้วยตนเองในเบื้องต้น ด้วยวิธีการดังนี้ค่ะ
- นั่งแช่ในน้ำอุ่น
ผสมน้ำให้อุ่นพอเอามือลงไปจุ่มได้สบาย ๆ ในกะละมังใบใหญ่พอจะลงไปนั่งได้ เทด่างทับทิมลงผสมในน้ำจนน้ำกลายเป็นสีชมพูจาง ๆ จากนั้นให้นั่งเอาก้นลงไปแช่น้ำในกะละมังนาน 15-30 นาที ทั้งนี้ควรทำทั้งก่อนและหลังถ่ายอุจจาระ โดยก่อนถ่ายให้แช่น้ำอุ่น ส่วนหลังถ่ายให้แช่น้ำเย็นขึ้นมาอีกหน่อย วิธีนี้จะช่วยลดอาการอักเสบ
- เหน็บยา รักษาริดสีดวง
ยาเหน็บมีขายหลายชนิด หลายยี่ห้อ แต่ส่วนมาจะมีตัวยาคล้าย ๆ กันคือ มีน้ำมันสำหรับหล่อลื่น มียาชาเฉพาะที่สำหรับระงับอาการเจ็บปวด และบางชนิดผสมสเตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบด้วย ทว่าแนะนำให้เลือกยาเหน็บที่มีส่วนผสมของตัวยาเบนโซเคน (Benzocaine) 1 กรัม ครีมลาโนลิน (Lanolin Ointment base) 15 กรัม ซึ่งเป็นตัวยาสำคัญในการรักษาโรคริดสีดวง
โดยวิธีเหน็บยาริดสีดวง ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม เภสัชกรวิชาชีพ แนะนำวิธีเหน็บยาริดสีดวงตามนี้
- ควรถ่ายอุจจาระและปัสสาวะให้เรียบร้อย เพื่อให้ยาที่เหน็บอยู่ในทวารหนักได้นานขึ้น ไม่หลุดปนมากับของเสียจากการขับถ่าย
- อ่านวิธีใช้จากฉลากยาให้เข้าใจ หากยาเหลวไม่เป็นแท่ง ให้นำยาไปแช่เย็นในตู้เย็นช่องทำความเย็นปกติ คอยเช็กดูว่ายาแข็งตัวพอสอดได้หรือยัง และพยายามอย่าปล่อยให้ยาเหน็บเป็นน้ำแข็งเด็ดขาด เนื่องจากยาอาจเสื่อมสภาพได้
- ทำความสะอาดบริเวณทวารหนักด้วยสบู่อ่อน จากนั้นซับให้แห้ง
- ล้างมือให้สะอาด หรือจะสวมถุงมือยางก็ได้
- ฉีกกระดาษหรือพลาสติกที่ห่อหุ้มยาเหน็บออก
- นอนตะแคงข้างที่ถนัด ขาล่างเหยียดตรง ส่วนขาบนยกขึ้นเพื่อเปิดรูทวารหนัก
- หันด้านหัวยาซึ่งมีลักษณะปลายแหลม ค่อย ๆ สอดยาเหน็บเข้าไปช้า ๆ ขั้นตอนนี้สามารถใช้ยาหล่อลื่นทาหัวยาเหน็บเพื่อช่วยให้เม็ดยาสอดเข้ารูทวารได้ง่ายขึ้น
- ใช้นิ้วชี้ดันยาเหน็บให้ผ่านรูหูรูดทวารเบา ๆ พยายามดันแท่งยาให้เข้าไปลึกประมาณ 1 นิ้ว เป็นอย่างต่ำ ที่สำคัญอย่าใช้แรงดันมากในการสอดยาเหน็บ เพราะความรุนแรงอาจทำให้เนื้อเยื่อทวารฉีกขาดได้
- หนีบแก้มก้นไว้ในท่านอนตะแคงต่อประมาณ 15 นาที อย่ารีบลุกเดินทันทีเพราะตัวยาเหน็บอาจหลุดออกมาได้
- ล้างมือให้สะอาด
ยารักษาริดสีดวง
การรักษาโรคริดสีดวงขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรคดังที่กล่าวไปในเบื้องต้น อย่างหากเป็นริดสีดวงในระยะเริ่มแรกหรือระยะที่ 2 ยังพอรักษาริดสีดวงด้วยตัวเองได้อยู่ โดยอาจจะใช้ยาเหน็บหรือบรรเทาอาการอักเสบด้วยด่างทับทิมก็ได้ นอกจากนี้ อาจมียาหดตัวของหลอดเลือด ยาฝาดสมาน ยาช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือดดำ ยาระบาย มาใช้ในการบรรเทาอาการของริดสีดวงทวาร ทว่าสำหรับริดสีดวงระยะที่ 3 และ 4 อาจต้องรักษาอาการริดสีดวงด้วยฝีมือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งการรักษาริดสีดวงสามารถทำได้ดังนี้
การรักษาโรคริดสีดวง
- การรักษาโดยการฉีดยา
โดยฉีดยาเข้าไปในตำแหน่งริดสีดวงทวารที่เลือดออก เพื่อให้เลือดจับลิ่มในหัวริดสีดวง จากนั้นจะเกิดเนื้อพังผืดมาแทนที่หัวริดสีดวง ต่อมาเนื้อพังผืดก็จะหดตัวตามธรรมชาติของมัน แล้วหัวริดสีดวงก็ฝ่อไป
- การรักษาโดยการใช้ยางรัด
ยิงยางรัดโคนหรือหัวของริดสีดวงที่โผล่ออกมา เพื่อให้ริดสีดวงขาดเลือด ซึ่งจะทำให้หัวริดสีดวงนั้นฝ่อและหลุดออกไปได้เอง
- การผ่าตัด
อาการริดสีดวงระยะที่ 3 และ 4 ริดสีดวงทวารมีขนาดใหญ่มากเกินกว่าจะกลับเข้าไปได้เอง ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น ทั้งนี้การผ่าตัดจะขึ้นกับจำนวนและชนิดของริดสีดวงทวาร รวมทั้งความชำนาญของศัลยแพทย์ เช่น ริดสีดวง 1-2 ตำแหน่ง อาจใช้อุปกรณ์พิเศษช่วยในการตัดริดสีดวงทวาร โดยไม่ต้องใช้ไหมเย็บแผล แต่ถ้าริดสีดวงทวาร 3 ตำแหน่งขึ้นไป อาจใช้เครื่องมือตัดต่อเยื่อบุลำไส้ชนิดกลม โดยการตัดและเย็บนี้จะเกิดตามแนวเส้นรอบวงของช่องทวารหนัก ทำให้สามารถตัดหัวริดสีดวงออกได้ทุกหัว และไม่ทำให้รูทวารหนักแคบลง อีกทั้งแนวการเย็บแผลอยู่สูงกว่าปากทวารหนัก ผู้ป่วยจะไม่แผลภายนอกเลย รวมถึงอาการเจ็บปวดก้นหลังผ่าตัดก็จะลดน้อยลง
สมุนไพรรักษาริดสีดวง
นอกจากตัวยาและการฉีดรักษาริดสีดวงแล้ว ยังมีวิธีแก้ริดสีดวงให้หายขาดด้วยสมุนไพรไทยด้วยนะคะ ซึ่งสมุนไพรรักษาริดสีดวงที่ว่าก็มีหลายชนิด ไปดูกันเลย
- เพชรสังฆาต
วิธีการใช้สมุนไพรรักษาริดสีดวงจะใช้เพชรสังฆาตสด 1 ปล้อง หั่นเป็นข้อเล็ก ๆ แล้วหุ้มด้วยกล้วยสุกหรือมะขามเปียกแล้วกลืนวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น แนะนำให้รับประทานติดต่อกันเป็นเวลา 10-15 วัน อาการริดสีดวงจะค่อย ๆ บรรเทาและหายไปเอง
- ขลู่
ใบของต้นขลู่มีกลิ่นหอม สามารถนำมาต้มเป็นชาขลู่ดื่มแก้ริดสีดวงทวารหนัก หรือจะใช้เปลือกต้นขลู่ต้มน้ำ ให้ไอของต้นขลู่รมทวารหนักรักษาอาการอักเสบก็ได้ นอกจากนี้ขลู่ยังเป็นยาขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่วในไต ช่วยย่อยอาหาร และรักษาริดสีดวงจมูกได้อีกด้วย
- ครอบสีฟันหรือหญ้าขัดหลวง
ให้นำส่วนราก 150 กรัม ต้มพอเดือด คั้นเอาแต่น้ำข้น ๆ มาดื่มประมาณ 1 ถ้วยชา ที่เหลือนำไปอุ่นเพื่อให้มีไอไว้รมที่ก้นพออุ่น ๆ ทนได้ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง จากนั้นล้างแผลด้วยน้ำอุ่น
- ว่านหางจระเข้
ทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดและแห้ง ควรปฏิบัติหลังจากอุจจาระ หลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน ปอกส่วนนอกของใบว่านหางจระเข้ แล้วเหลาให้ปลายแหลมเล็กน้อยเพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าจะให้เหน็บง่ายควรนำไปแช่ตู้เย็นให้วุ้นว่านหางแข็งตัวพอที่จะสอดเข้าไปได้ง่ายขึ้น และควรหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง จนกว่าจะหาย
- อัคคีทวาร
นำรากหรือต้นยาว 1-2 นิ้ว ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้น ๆ แล้วนำมาทาที่ริดสีดวงทวาร หรือจะนำใบ 10-20 ใบ มาตากแห้ง บดให้เป็นผง แล้วคลุกกับน้ำผึ้งรวง ปั้นเป็นเม็ดขนาดพอเหมาะ รับประทานครั้งละ 2-4 เม็ด ทุก ๆ วันติดต่อกัน 7-10 วันก็ได้ แต่ถ้าใครสะดวกใช้ใบแห้งป่นเป็นผง โรยในถ่านไฟ เผาเอาควันรมหัวริดสีดวงที่งอกออกมาก็ตามแต่วิธีที่อยากแก้ริดสีดวงเลย
ริดสีดวงแตก อย่าเพิ่งตกใจ
ริดสีดวงแตกสังเกตได้ง่าย ๆ จากการขับถ่ายของคุณเองเลยค่ะ หากมีเลือดปนออกมากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลออกมาจารูทวารไม่หยุด รวมทั้งมีอาการปวดมากให้บรรเทาอาการด้วยยาแก้ปวดอย่างพาราเซตามอลหรือไอบูโทรเฟน ในเบื้องต้น จากนั้นใช้สำลีหรือผ้าอนามัยซับเลือดที่ออกมา แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาริดสีดวงแตกโดยเร็วที่สุด
วิธีป้องกันริดสีดวงทวาร
- รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ธัญพืช ผัก ผลไม้ต่าง ๆ ข้าวกล้อง ถั่ว น้ำลูกพรุน หรือเม็ดลูกพรุน เพื่อให้การขับถ่ายคล่องตัวและไม่เสี่ยงกับอาการท้องผูก
- ดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อย วันละ 8-10 แก้ว เพราะน้ำมีส่วนช่วยให้กากอาหารมีความอ่อนตัว ช่วยให้อาหารเคลื่อนผ่านลำไส้ได้สะดวกขึ้น
- ออกกำลังกายแบบสม่ำเสมอ เพราะไม่เพียงช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น การออกกำลังกายยังช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้มีการเคลื่อนที่ ทำให้สุขภาพแข็งแรงด้วยนะ
- ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เช่น สุรา เบียร์ ไวน์ กาแฟ ชา น้ำอัดลม เพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ อุจจาระแข็ง และถ่ายลำบากขึ้น
- ไม่ควรกลั้นอุจจาระเป็นเวลานาน
- หลีกเลี่ยงการนั่งอุจจาระเป็นเวลานาน ๆ อบ่างนั่งอ่านหนังสือหรือเล่นมือถือไปด้วย
- ควรหลีกเลี่ยงการขัดถูบริเวณทวารหนักอย่างรุนแรง
โรคริดสีดวงทวารเกิดขึ้นได้กับทุกคนนะคะ ดังนั้นใครที่ยังไม่เป็นโรคนี้ก็ควรดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีตามคำแนะนำเบื้องต้น หรือหากใครที่เป็นโรคริดสีดวงแล้วก็พยายามดูแลตัวเองรวมทั้งรักษาริดสีดวงให้ถูกวิธีด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
- โรงพยาบาลพญาไท 3
- haamor.com
- เว็บกระปุกดอทคอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น