การมีธุรกิจเป็นของตัวเองจะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล ภาพของความสำเร็จ อิสระ และโอกาสที่คุณจะสามารถทำงานที่รักได้นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นเพียงแค่ความฝัน หากคุณรู้เทคนิคที่ถูกต้องในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยเทคนิคเหล่านี้เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทาง ช่วยลดระยะเวลาและนำพาคุณไปสู่เป้าหมายความสำเร็จตลอดจนนำพาความสุขมาให้คุณและครอบครัวของคุณได้
1. เริ่มต้นทีละธุรกิจ
ลองสังเกตดูง่ายๆ จะเห็นได้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เขาจะไม่ทำอะไรพร้อมๆ กันหลายๆ สิ่ง เค้าจะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองเพียงแค่ธุรกิจเดียว ไม่สร้างอะไรขึ้นมาซ้ำซ้อน เขาจะได้โฟกัสและมุ่งมั่นทำธุรกิจตรงหน้าให้ประสบความสำเร็จขึ้นมาทีละอย่างๆ
ฉะนั้นในฐานะนักธุรกิจหน้าใหม่ คุณก็ควรจะเริ่มต้นทีละอย่าง เพราะการทำธุรกิจมันไม่ใช่แฟชั่นที่เห็นคนอื่นทำก็ทำตาม แต่มันเป็นการลงทุนกับสิ่งๆ หนึ่งที่จะดูดกลืนทั้งเวลาและเงินลงทุน ดังนั้นการตั้งใจเลือกธุรกิจให้ดี วิเคราะห์และวางแผนจนแน่ใจว่าคุณจะสามารถใช้เวลากับมันไปได้หลายๆ ปี เพราะการประสบความความสำเร็จจากทำธุรกิจ ไม่ได้รวดเร็วเหมือนอย่างที่ใครหลายคนวาดฝัน
2. เข้าใจในธุรกิจที่จะลงทุนเริ่ม
สมมุติถ้าหากคุณมีแพลนที่จะเปิดบริษัทโฆษณา สิ่งแรกที่ควรทำมากที่สุดก็คือต้องลองเป็นลูกจ้างเขาเสียก่อน คุณควรเลือกบริษัทโฆษณาเล็กๆ จะได้ศึกษาและมีประสบการณ์กับการจัดการสตูดิโอทั้งระบบ การเข้าไปศึกษาธุรกิจเล็กๆ จะทำให้เราได้เรียนรู้วิธีการบริการ เทคนิคการขาย กระบวนการการผลิต การดูแลพนักงาน รวมทั้งแนวคิดการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
สิ่งเหล่านี้เอง หากคุณได้เข้ามาศึกษาและสัมผัสมันด้วยตัวเองก็จะถือว่าเป็นการเรียนรู้ทางลัด เพราะมันจะทำให้คุณมีประสบการณ์ที่จะนำไปประยุกต์เพื่อสร้างธุรกิจในฝัน ดังนั้นหากอยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง จงเสาะแสวงหาความรู้ เอาตัวเองลงไปคลุกอยู่กับมัน ก่อนจะเริ่มต้นเดินไล่ล่าหาความฝัน เพราะการเรียนลัดจากคนอื่น เป็นวิธีที่ช่วยให้ธุรกิจคุณประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
3. ใส่ใจกับการวางแผนการเงิน
การวางแผนที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน แต่อย่ามัวคิดแต่จะวางแผนจนเพลินไม่ได้ลงมือทำให้มันเกิดขึ้นจริง เพราะประสบการณ์ธุรกิจของคุณนั้นจะได้มาก็ต่อเมื่อลงมือทำมันด้วยตัวเอง ไอเดียธุรกิจที่ดีสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ทุกที่ และทุกเวลา แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณไปไม่ถึงฝันหรือเป้าหมายที่หวังไว้ก็คือ การมีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะเริ่ม
ดังนั้นก่อนเริ่มทำธุรกิจ ลองถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่าคุณควรมีเงินทุนเริ่มต้นเท่าไหร่และเพียงพอหรือไม่ต่อการเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน สิ่งสำคัญคือการเลือกทำธุรกิจจากสิ่งที่เราถนัดและเป็นธุรกิจที่เรามีเงินทุนเพียงพอ หลังจากนั้นค่อยมาหาดูว่าเราต้องทำอะไรบ้างถึงจะสามารถเริ่มต้นได้จากเงินทุนก้อนแรก และหมั่นควบคุมค่าใช้จ่าย ใช้จ่าย แต่เพียงพอดีเพื่อทำเป้าหมายให้สำเร็จทีละขั้น
4. สรรหาทีมที่เหมาะสมกับสถานะของธุรกิจ
คนๆ เดียวอาจจะมีความสามารถในการสร้างธุรกิจได้ก็จริง แต่หากคุณมีทีมที่แข็งแกร่ง คุณก็อาจจจะประสบความสำเร็จได้เร็วและยิ่งใหญ่ขึ้น นักธุรกิจทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการเพื่อนร่วมทีม ต้องการความช่วยเหลือ ต้องการผู้เชี่ยวชาญในด้านที่ตัวเองไม่ถนัด คุณเองก็เช่นกัน พยายามประเมินว่าคนแบบไหนที่คุณต้องการได้มาร่วมทำงาน เพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดและช่วยสร้างธุรกิจให้เติบใหญ่ต่อไป หากทราบว่าคุณต้องการเพื่อนร่วมทีมแบบใดแล้ว ก็พยายามสรรหาคนเหล่านั้นและทำให้พวกเขาอยู่กับองค์กรของเราไปให้นานที่สุด
โดยทั่วไป เราจะเสียเวลาเฟ้นหาทีมงานที่มีคุณภาพสูง มีประสบการณ์หลายปี มีทักษะเป็นเลิศ แต่ในความเป็นจริง เราจะสามารถจ้างและดึงดูดพนักงานได้แค่ระดับเดียวกับขนาดและสถานะของธุรกิจปัจจุบัน ซึ่งหากเจอปัญหาในลักษณะนี้ก็อย่าเพิ่งท้อใจ ขอเพียงแค่คุณค่อย ๆ ขยับมาตรฐานของธุรกิจให้สูงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นเราจะสามารถจ้างพนักงานที่มีลักษณะสอดคล้องกับงานและมีทักษะที่สูงขึ้นไปด้วยนั้นเอง นั่นก็หมายความว่ายิ่งเราพัฒนาธุรกิจ เราก็จะมีโอกาสหาคนเก่งๆ เข้ามาร่วมงานมากยิ่งขึ้นด้วย
5. พัฒนาอย่างต่อเนื่องและไม่ย่อท้อ
ในการทำธุรกิจทุกคนล้วนแต่ต้องเจออุปสรรคด้วยกันทั้งสิ้น บางคนเจอมาก บางคนเจอน้อย แต่นั่นไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จ และถึงแม้เราจะวางแผนมาดีขนาดไหน จงจำไว้ว่าการทำธุรกิจไม่ได้เป็นไปตามแผนที่คาดการณ์ไว้เสมอไป แต่ คุณในฐานะผู้เริ่มต้นธุรกิจ คุณต้องโฟกัสกับปัจจัยที่สามารถควบคุมได้และตั้งใจทำสิ่งเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง
เรามักจะได้ยินเรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มดาวรุ่งผู้ประสบความสำเร็จและได้รับการยกย่องชื่นชม เป็นไอดอลของใครหลายคน จนหลายครั้งเราอาจคิดว่าเราจะประสบความสำเร็จได้เหมือนคนๆ นั้น ซึ่งการมีความฝันไม่ใช่เรื่องผิด และทุกคนก็มีสิทธิ์ฝัน แต่จากสถิติพบว่าคนที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ด้วยเวลาอันสั้นนั้นมีไม่มาก และโดยทั่วไปมีคนส่วนใหญ่จะทดลองทำครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อหาประสบการณ์ เขามุ่งมั่นตั้งใจทำและหาเครื่องมือมาช่วยทุ่นแรงจนกว่าจะพาบริษัทไปถึงฝั่งฝัน คนกลุ่มนี้เพียรพยายามทำซ้ำแล้วซ้ำอีกกว่าจะสำเร็จก็ใช้เวลาหลายปี แต่เรามักไม่ได้ยินเรื่องราวของเขาเหล่านี้ เพราะมันไม่น่าสนใจเท่าคนกลุ่มแรก แต่ขอให้เราหมั่นเตือนตนเองว่าเราจะเป็นคนกลุ่มที่สอง คนที่ตั้งใจพัฒนาอย่างไม่ย่อท้อ ไม่หยุดหย่อน และไม่ล้มเลิกระหว่างทาง ขอให้จำไว้ให้ขึ้นใจว่า “ความสำเร็จของคนส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น